svasdssvasds

อย่ามัวแต่ฟอกเขียว! UNDP เตือน เลิกอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิล

อย่ามัวแต่ฟอกเขียว! UNDP เตือน เลิกอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิล

ผู้แทน UNDP แนะ การแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืนต้องแก้อย่างสอดคล้องและครบถ้วนทุกมิติ ชี้หลายประเทศมีความย้อนแย้ง เพราะกำลังให้การอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิลมากกว่างบลงทุนเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

ในขณะที่การแก้ปัญหาโลกร้อนกำลังเป็นพันธกิจสำคัญที่ทั่วโลกจะต้องเร่งปฏิบัติเพื่อรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ระบุว่า ในขณะที่มีการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน หลายประเทศกลับกำลังมีการให้เงินอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิลมากกว่า

หรือในขณะที่ให้การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า แต่พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ส่วนใหญ่ยังมาจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้น  ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความย้อนแย้งในระดับพื้นฐานที่รัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในสหภาพยุโรปกำลังลงมือปฏิบัติ

อย่ามัวแต่ฟอกเขียว! UNDP เตือน เลิกอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิล

นายเรอโน เมเยอร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวย้ำในงาน “SX Sustainability Expo 2023” ว่า การจัดการกับปัญหา “โลกเดือด” ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนการปฏิบัติภายใต้กรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ที่สหประชาชาติได้ประกาศและประเทศต่าง ๆ ได้ลงนามไว้แล้วอย่างจริงจังและครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาเรายังเห็นความไม่สอดคล้องกันของมาตรการและนโยบายด้านต่าง ๆ ที่หลายประเทศได้นำมาใช้

“ผู้คนได้ยินเรื่อง Climate Change มามากมาย แต่พวกเขายังไม่ได้ฟังเสียงเรียกร้องที่มาจากธรรมชาตินี้อย่างจริงจัง ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคน ไม่เฉพาะแต่ทางภาครัฐ จะต้องช่วยกันลงมือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นมันอาจจะถึงจุดจบของมนุษยชาติ” นายเรอโน กล่าว

ทางด้านคุณเข็มอัปสร สิริสุขะ นักสิ่งแวดล้อมและธุรกิจเพื่อสังคม เผยว่าปัจจุบันปัญหาโลกเดือดได้มาถึงจุดที่เราทุกคนไม่มีเวลาที่จะเสียอีกต่อไปแล้ว ตนอยากให้ภาครัฐมีการออกกฎหมายหรือมาตรการจูงใจต่าง ๆ อย่างจริงจัง มากกว่าแค่การขอความร่วมมือ และในส่วนของภาคเอกชนก็อยากให้ช่วยขยายบทบาทต่าง ๆ ออกนอกกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ

สำหรับ งาน “SX Sustainability Expo 2023” เป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึง 8 ตุลาคม 2566 บนพื้นที่จัดงานรวมกว่า 70,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยความร่วมมือของ 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, เอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related