svasdssvasds

ทช. จับมือ UNDP ร่อนแผนรับมือผลกระทบ ​"โลกร้อน" ใน 4 จังหวัดติดชายฝั่งอ่าวไทย

ทช. จับมือ UNDP ร่อนแผนรับมือผลกระทบ ​"โลกร้อน" ใน 4 จังหวัดติดชายฝั่งอ่าวไทย

สส. ร่วมมือกับ ทช. และ ออกแผนรับมือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย โดยจะเน้น 6 สาขา นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา

นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า "ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย"

"รวมถึงเร่งผลักดันให้แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (Thailand’s National Adaptation Plan: NAP) จนได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกรอบแนวทางในการบูรณาการประเด็นการปรับตัวของประเทศ" 

ทช. จับมือ UNDP ร่อนแผนรับมือผลกระทบ ​\"โลกร้อน\" ใน 4 จังหวัดติดชายฝั่งอ่าวไทย

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวและเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้น 6 สาขาสำคัญที่มีความเสี่ยง ได้แก่

  • การจัดการทรัพยากรน้ำ
  • การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
  • การท่องเที่ยว
  • สาธารณสุข
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
  • การตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ 

ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยรวมถึงพื้นที่บริเวณอ่าวไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากอุทกภัยและภัยแล้ง โดยข้อมูลจากการวิเคราะห์ความเสี่ยงภายใต้โครงการฯ บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิและระดับน้ำทะเล รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่ไม่แน่นอน

อีกทั้งอุบัติการณ์ของภัยแล้งและอุทกภัยที่รุนแรงขึ้นในอ่าวไทย ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่สำคัญบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้แก่

  1. การประมง โดยมีการคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงขึ้น 0.7-1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงรูปแบบปริมาณน้ำฝนที่เปลี่ยนแปลงไปจะส่งผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
  2. การท่องเที่ยว โดยอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นจะให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะปะการังฟอกขาว ซึ่งแนวปะการังในบางพื้นที่ เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้เผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาวแล้ว เนื่องจากมีอุณหภูมิน้ำทะเลเฉลี่ยมากกว่า 29 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นระยะเวลามากกว่า 3 สัปดาห์
  3. การเกษตร โดยมีการพยากรณ์ว่าพื้นที่เกษตรกรรม กว่า 118,000 ตารางกิโลเมตร จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง คลื่นความร้อน และฝนไม่ตกตามฤดูกาล ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตร มีจำนวนลดลง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง นอกจากนี้ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและการกัดเซาะชายฝั่งยังทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมในบริเวณที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง อีกทั้งความเค็มที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรลดลง

ทช. จับมือ UNDP ร่อนแผนรับมือผลกระทบ ​\"โลกร้อน\" ใน 4 จังหวัดติดชายฝั่งอ่าวไทย

นำร่อง 4 จังหวัดติดชายฝั่งอ่าวไทย

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นว่าประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง โดยโครงการฯ จะมีส่วนสำคัญในการดำเนินงานตามแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (NAP)

พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศในทะเลและพื้นที่ชายฝั่ง สนับสนุนให้เกิดการดำเนินงานในระดับพื้นที่แบบบูรณาการ และเชื่อมโยงระหว่างสาขา 

รวมถึงมุ่งเน้นการวางแผนล่วงหน้าสำหรับการปรับตัวที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งในบริเวณอ่าวไทย โดยจากการดำเนินโครงการฯ ในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่

  • จ.ระยอง
  • จ.เพชรบุรี
  • จ.สุราษฎร์ธานี
  • จ.สงขลา

ซึ่งจะช่วยให้หน่วยงานระดับพื้นที่ทราบถึงช่องว่างและความต้องการการสนับสนุนสำหรับกระบวนการในการจัดทำแผนการปรับตัวฯ ของพื้นที่ อีกทั้ง สามารถจัดลำดับความสำคัญของความต้องการในการจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้น

โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานเพื่อเสริมสร้างความรู้และขีดความสามารถทางเทคนิค ตลอดจนการพัฒนารูปแบบการจัดหาแหล่งเงินทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน สำหรับการรับมือต่อสภาพภูมิอากาศในการพัฒนาชายฝั่งทะเล

โครงการฯ นี้ถือเป็นโครงการที่สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับพื้นที่โดยการมีแผนการเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ

อีกทั้ง ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการปรับตัวฯ จากโครงการฯ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดีและขยายผลการปฏิบัติไปสู่การดำเนินงานด้านการปรับตัวในพื้นที่และภาคส่วนอื่นๆ ได้

ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานในระยะถัดไปที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจะจัดทำแผนปฏิบัติการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้ง 6 สาขา

โดยใช้ข้อมูลภายใต้โครงการนี้นำไปสนับสนุนการกำหนด พัฒนามาตรการ โครงการ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆของหน่วยงาน เพื่อใช้ในการวางแผนเตรียมรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป

ทั้งนี้ โครงการฯ ได้มีการดำเนินงานมาเป็นระยะเวลาทั้งหมด 4 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 – 2567 ได้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของประเทศ และยังเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ

ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และยังเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อชุมชนรอบพื้นที่ชายฝั่งทะเล ที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การทำประมง และการเกษตรตลอดทั้งปี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related