svasdssvasds

ทำไม เมื่อภาคอื่นๆเจออากาศหนาว แต่ หาดใหญ่จึงต้องเผชิญ วิกฤตน้ำท่วม 2568 ?

ทำไม เมื่อภาคอื่นๆเจออากาศหนาว  แต่ หาดใหญ่จึงต้องเผชิญ วิกฤตน้ำท่วม 2568 ?

เพราะอะไร ประเทศเดียวกัน แต่คนละโลกของสภาพอากาศ ทำไม เมื่อภาคอื่นๆเจออากาศหนาว แต่ หาดใหญ่จึงต้องเผชิญ ‘วิกฤตน้ำท่วม 2568 ’?

ทำไม เมื่อภาคอื่นๆเจออากาศหนาว  แต่ หาดใหญ่จึงต้องเผชิญ ‘วิกฤตน้ำท่วม’?

ประเทศเดียวกัน แต่คนละโลกของสภาพอากาศ

ระหว่างที่คนเหนือ–อีสาน กำลังสั่นเพราะลมหนาวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปรากฏว่า “อีกฟากหนึ่งของประเทศ” อย่างหาดใหญ่ สงขลา และภาคใต้ในหลายๆจังหวัด กลับกำลังจมน้ำในมวลฝนระดับมหาศาล เหมือนสวิตช์อากาศถูกพลิกคนละข้าง — หนาวจัดด้านบน = น้ำท่วมด้านล่าง

น้ำท่วมหาดใหญ่ ปี 2568 ยิ่งรุนแรงกว่าทุกปี เพราะ 3 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ เกิด “ฤดูน้ำหลากของภาคใต้”

1) ลมหนาวที่กลายร่างเป็น ‘เครื่องผลิตฝน’ เหนืออ่าวไทย

ปรากฏการณ์ที่ทำให้เหนือหนาวจัดคือมวลอากาศเย็นจากจีนพัดลงมาปกคลุมไทยตอนบน ทำให้อุณหภูมิดิ่งลงแบบไม่เกรงใจใคร แต่พอลมเดียวกันนี้พัดเข้าสู่อ่าวไทย มันจะเปลี่ยนบทบาททันที:

จากลมเย็น → กลายเป็น “ฟองน้ำยักษ์” ดูดความชื้นจากทะเล
จากความหนาว → กลายเป็นเมฆฝนก้อนใหญ่
จากการพัดผ่าน → กลายเป็นการปะทะชายฝั่งใต้แบบเต็มๆ

ยิ่งลมหนาวแรงเท่าไร ไอน้ำที่มันหอบลงใต้ก็ยิ่งมากเท่านั้น และช่วง พ.ย.–ม.ค. ยังเป็นช่วงที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้พอดี บวกกับพายุหมุนเขตร้อนที่ชอบวิ่งอยู่ในละติจูดต่ำ กล่าวคือ ภาคเหนือได้อากาศเย็น ส่วนภาคใต้ได้ “พายุฝนเวอร์ชันอัปเกรด”

2) ฝนไม่ได้ตกหนัก แต่ “ตกค้าง” อยู่กับที่

ช่วง 19–22 พ.ย. 2568 หาดใหญ่ไม่ได้เจอฝนธรรมดา แต่เจอปรากฏการณ์ Stationary Heavy Rain — เมฆฝนลอยแช่อยู่จุดเดิมหลายวัน

ผลคือปริมาณน้ำฝนสะสมพุ่งทุบสถิติ:

ปี 2568 (3 วัน): 595 มม.  เฉพาะที่เขาคอหงส์ อ.นาหม่อม มีฝนตกหนักในวันที่ 22 พ.ย. มากถึง 365 มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลให้น้ำทุกสายไหลลงมาสู่คลองอู่ตะเภา และล้นท่วมเมืองหาดใหญ่ในที่สุด 
ปี 2553 (น้ำท่วมใหญ่): 516 มม.
ปี 2543 (มหาวาตภัย): 497 มม.

นอกจากนี้ ปีนี้มี ลานีญ่า ช่วยเร่งการผลิตฝน ทำให้ฤดูฝนกินเวลานานขึ้น ลมหนาวพัดแรงขึ้น และเมฆอุ้มน้ำได้มากกว่าเดิม  เมื่อปัจจัยธรรมชาติหลายตัวมากองซ้อนกันแบบนี้ น้ำท่วมใหญ่แทบจะหลีกไม่พ้น

3) เมืองสู้ไม่ไหว: โครงสร้างระบายน้ำถึงขีดจำกัด

แม้หาดใหญ่จะมีระบบแก้มลิง คลอง ร.1 และโครงสร้างป้องกันน้ำหลากที่พัฒนามาตลอด 20 ปี  แต่ปีนี้คือ “พายุที่สมบูรณ์แบบ” ที่เข้าตีจุดเปราะบางทั้งหมดพร้อมกัน

3 จุดล่มของระบบเมือง

น้ำจากเขาคอหงส์ทะลักลงเมือง ฝนหนักดันน้ำจากต้นน้ำไหลลงเมืองแบบรวดเร็ว เกิด Flash Flood ทันที

คลองหลักล้นตลิ่งหมด
คลองหวะ–คลองเรียนรับน้ำไม่ไหว พื้นที่ท่วมทั้งแนว

แก้มลิงเต็มความจุ
ถึงเวลาจริง แทบไม่มีพื้นที่รองรับน้ำเพิ่มแล้ว

เมืองที่ออกแบบเพื่อรับมือฝน “แบบเดิม” จึงแพ้ให้กับฝน “แบบใหม่” ของยุคโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
 

related