
SHORT CUT
รายงานใหม่เผยปี 2025 คือหนึ่งในปีที่ภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 120,000 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 3.7 ล้านล้านบาท
รายงานฉบับใหม่ที่จัดทำโดย Christian Aid และเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ระบุว่า คลื่นความร้อนรุนแรง พายุหมุนเขตร้อนและปริมาณน้ำฝนที่ทำลายสถิติ ทำให้ปี 2025 เป็นปีที่สร้างความเสียหายและค่าใช้จ่ายจากภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศมากที่สุดปีหนึ่ง
รายงานฉบับนี้พิจารณาถึงภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศที่มีมูลค่าความเสียหายสูงที่สุดในปีนี้ทั่วโลก อ้างอิงเบื้องต้น จากการประเมินความสูญเสียโดยบริษัทประกันภัย Aon
สำหรับภัยพิบัติ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย ไฟป่า, ไซโคลน, ฝนตกหนักและน้ำท่วม รวมถึง ภัยแล้ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใน 4 ทวีป ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์หรือกว่า 3.7 ล้านล้านบาท
เหตุการณ์ที่อยู่อันดับสูงสุดของตาราง คือ เหตุการณ์ไฟป่ารุนแรงในนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคม ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตโดยตรงกับเหตุการณ์ 31 ราย อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในเดือนสิงหาคม พบว่า มีอีกกว่า 400 รายที่เสียชีวิตจากปัจจัยที่เชื่อมโยงกับไฟป่า รวมถึงคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่และความล่าช้าในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยนักวิจัยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดไฟป่า ซึ่งสร้างความเสียหายสะสมกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิทยาศาสตร์ยังได้เชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ากับพายุและน้ำท่วมรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,800 รายในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียใต้และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการกระตุ้นโดยพายุหมุนเขตร้อน 2 ลูกที่เคลื่อนที่ทับซ้อนกันและพัดถล่มภูมิภาคเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียและคาบสมุทรมลายูพร้อมกัน
น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้กลายเป็นภัยพิบัติทางภูมิอากาศที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรายการของ Christian Aid นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางสภาพอากาศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยพัดถล่มหนึ่งในภูมิภาคที่เปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ เหตุการณ์น้ำท่วมในจีน อินเดีย ปากีสถานและรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ รวมถึง พายุหมุนเขตร้อนอีก 4 ลูกที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุด คือ พายุเฮอริเคนเมลิสซาในทะเลแคริบเบียน ซึ่งถือเป็นพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีความรุนแรงเป็นอันดับ 3 เท่าที่เคยมีการบันทึกมา และมีความรุนแรงที่สุดเมื่อพัดขึ้นฝั่งในแอ่งแอตแลนติก สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยประมาณกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขความเสียหายที่นำเสนออาจไม่รวมความสูญเสียบางประเภทที่ยากต่อการประเมินค่า เช่น ความเสียหายต่อการทำมากิน รายได้ที่สูญหาย ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และการต้องพลัดถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างถาวรของประชาชน ไม่ได้ถูกนำมาคำนวณในการวิเคราะห์ของ Christian Aid ด้วยเหตุผลนี้ องค์กรการกุศลแห่งดังกล่าวจึงระบุว่า ความสูญเสียที่แท้จริงจากภัยพิบัติเกือบจะแน่นอนว่าสูงกว่าความสูญเสียที่สรุปจากตัวเลขประกันภัยอย่างมาก
ทศวรรษที่ร้อนที่สุด
สภาวะโลกร้อนที่มีสาเหตุหลักมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ นำไปสู่การเพิ่มขึ้นทั้งในด้านความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบางประเภทนับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม รวมถึง น้ำท่วม ฝนตกหนัก พายุและภัยแล้ง
ความแปรปรวนของสภาพอากาศดังกล่าวสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยปัจจุบัน ปี 2024 ครองอันดับ 1 ขณะที่ปี 2025 ถูกกำหนดให้เป็นปีที่ร้อนสุดเป็นอันดับ 2 หรือ 3 และคาดว่าปี 2026 จะติดอยู่ใน 4 อันดับแรก
ที่มา: Earth.Org