BYD Seagull ผลิตไปแล้ว 1 ล้านคัน จ่อเปิดตัวรุ่นใหม่ วิ่งได้ไกลขึ้น

BYD สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการประกาศความสำเร็จผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Seagull ครบ "1,000,000 คัน" โดยใช้เวลาเพียงปีกว่าหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2023

ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความนิยมอย่างล้นหลามของโมเดลนี้ แต่ยังเป็นเครื่องชี้วัดที่ชัดเจนถึงแนวโน้มของตลาด EV โลกที่กำลังมุ่งหน้าสู่ "ยานยนต์ที่เข้าถึงง่ายและราคาย่อมเยา"

ทำไม BYD Seagull ถึงขายดี?

BYD Seagull สร้างความฮือฮาในตลาดจีนด้วยราคาที่น่าดึงดูดและฟีเจอร์ที่อัดแน่นเกินตัว ด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัด (ยาว 3,780 มม. กว้าง 1,715 มม. สูง 1,540 มม.) ทำให้เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมือง

สำหรับโมเดลปี 2025 ในจีน มีการเปิดตัวรุ่น "Seagull Smart Driving Edition" โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 69,800 หยวน (ราว 340,000 บาท) มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 30.08 kWh ให้ระยะทางวิ่ง 305 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) และรุ่นแบตเตอรี่ขนาด 38.88 kWh ที่วิ่งได้ไกลถึง 405 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

เพื่อฉลองความสำเร็จ 1 ล้านคัน BYD ยังได้เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ในราคา 78,800 หยวน (ราว 385,000 บาท) ที่ยังคงระยะทางวิ่งไกล 405 กม. แต่ตัดฟีเจอร์พรีเมียมบางอย่างออกไป เช่น ระบบกล้องมองภาพรอบคัน เพื่อให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการระยะทางวิ่งสูงสุด

ขุมกำลังของรุ่นที่จำหน่ายในจีนใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 55 kW ที่ให้แรงบิด 135 Nm เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองอย่างคล่องตัว ภายในโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว, แผงหน้าปัดดิจิทัล 7 นิ้ว และฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย

ล่าสุด BYD Seagull ได้บุกตลาดยุโรปถึง 15 ประเทศในชื่อใหม่ว่า BYD Dolphin Surf โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานยุโรป

แต่ยังคงยึดหลักความคุ้มค่าเช่นเดิม โดยเปิดตัวใน 3 ระดับราคา เริ่มต้นที่ 22,990 ยูโร สำหรับรุ่นที่วิ่งได้ 322 กม. และรุ่นท็อปสุดราคา 24,990 ยูโร ที่ให้ระยะทางวิ่งถึง 507 กม.

ตัวเลขยอดขายในจีนเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Seagull สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขาย 60,131 คัน ขึ้นแท่นเป็นโมเดลเดี่ยวที่ขายดีที่สุดของ BYD คิดเป็น 15.72% ของยอดขายรวมทั้งบริษัทในเดือนนั้น

และยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมพุ่งสูงถึง 233,126 คัน เพิ่มขึ้น 50.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้ยอดขายรวมทะลุ 992,637 คัน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม และปูทางสู่การฉลองครบหนึ่งล้านคันในที่สุด

ที่มา : Electrek