กรณีพบสารหนูในแม่น้ำกก ผ่านมาแล้ว 3 เดือน สสจ.เชียงรายยังยืนยัน แหล่งน้ำยังไม่ปลอดภัย ห้ามประชาชนใช้-สัมผัสน้ำ ตลอดแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง
วันนี้ 23 พ.ค. 2568 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รายงานว่า ตามข้อสังเกตของประชาชนเกี่ยวดับประเด็นการทำเหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ได้ดำเนินการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง โดยเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสาขารวม 15 จุด แม่น้ำสาย 3 จุด และแม่น้ำโขง 2 จุด รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ได้แก่
ผ่านการตรวจมาแล้ว 3 เดือน ผลการวเคราะห์พบว่า คุณภาพน้ำโดยรวมอยู่ในระดับ “พอใช้ถึงเสื่อมโทรม” โดยในบางจุดตรวจพบค่าความสกปรกจากสารอินทรีย์และแบคทีเรียเกินมาตรฐาน และตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพ หากใช้น้ำโดยตรงและต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่า ระบบการผลิตน้ำประปายังปลอดภัย และสามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ตามปกติ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำตลอดแนวแม่น้ำ และสำรวจรูปแบบการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านการประปา เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เครือข่ายบริการสุขภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย ได้ร่วมกันเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสุขภาพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการสัมผัสสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ
งดใช้น้ำจากแม่น้ำดังกล่าวชั่วคราว ทั้งในการอุปโภค บริโภค และการสัมผัสน้ำโดยตรง จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศถึงความมั่นใจ ให้ประชาชนใช้น้ำได้อย่างสบายใจ แต่ด้วยวิกฤตดังกล่าว ผ่านไปแล้ว 3 เดือน ยังคงไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
รวมไปถึงการเจรจากับเหมืองแร่ต้นน้ำ ที่ก็ดูยังไม่มีวี่แววจะได้รับการเจรจาในเร็ววันนี้ จึงทำให้ประชาชนยังคงไม่สามารถคลายความกังวลได้ ไม่กล้าใช้น้ำได้อย่างมั่นใจ วิกฤตนี้ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยของชุมชน ประชาชนจึงตั้งคำถาม ว่ารัฐจะแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนเช่นนี้ได้หรือไม่?