svasdssvasds

ถ้าเมียนมาจะตรวจสอบสารพิษแม่น้ำกก ต้องทำตามมาตรฐานไทยเท่านั้น

ถ้าเมียนมาจะตรวจสอบสารพิษแม่น้ำกก ต้องทำตามมาตรฐานไทยเท่านั้น

นักวิชาการแนะ กรณีตรวจสอบสารหนูในแม่น้ำกก หากเมียนมาจะตรวจสอบสารพิษ ต้องทำตามกฎหมายและมาตรฐานของไทยเท่านั้น เพื่อให้ข้อมูลไม่คลาดเคลื่อนและอ้างอิงต่อได้

วันนี้ (28 พ.ค. 2568) อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมสิ่งแวดล้อมไทย ไดโพสต์แนะนำกรณีตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามชาติอยู่ ณ ขณะนี้ โดยอ.สนธิเสนอว่า หากประเทศเมียนมา ต้องตรวจสอบสารพิษบริเวณต้นแม่น้ำกก จำเป็นที่จะต้องทำตามมาตรฐานประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจาก

กรณีการปนเปื้อนสารหนูและสารตะกั่วในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จ.เชียงราย อาจเป็นคดีระหว่างประเทศที่ต้องมีเจรจาร่วมกัน จะเป็นในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ เพื่อใช้ในการวางแผนป้องกันและฟื้นฟูแหล่งน้ำ การเก็บตัวอย่างและการตรวจวัดสารโลหะหนักในแหล่งน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็น ต้องทำให้ถูกกฎหมายตามมาตรฐานของประเทศไทย เพื่อใช้ในการอ้างอิงต่อไปได้

เนื่องจากมาตรฐานคุณภาพน้ำของค่าสารหนูและตะกั่วมีค่าต่ำมาก คือไม่เกิน 0.01 มก./ล.และ 0.05 มก./ล. ตามลำดับการเก็ยตัวอย่าง ดังนั้น การวิเคราะห์ตัวอย่างไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผลคลาดเคลื่อนได้

การเก็บและการรักษาตัวอย่างโลหะหนักในแหล่งน้ำ ไปจนถึงการวิเคราะห์ในห้องทดลองจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษเท่านั้น จึงจะสามารถนำมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานปริมาณโลหะในแหล่งน้ำว่ามีค่าเกินหรือไม่เกินได้ ต้องอ้างอิงจากผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษเท่านั้น

สุดท้ายนี้ การตรวจวัดในภาคสนามและรู้ผลทันทีโดยใส่สารเคมีและเปรียบเทียบสี ใช้ไม่ได้กับมาตรฐานของประเทศไทย

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ อ.สนธิเคยให้ความเห็นว่า ฝายดักตะกอนชั่วคราวในลำน้ำกก มีความจำเป็น ขณะไปเจรจากับเพื่อนบ้าน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ยกตัวอย่างเคสในต่างประเทศ ที่พบสารโลหะหนักปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ โดยต้นเหตุอาจมาจากเหมืองแร่หรือโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก มาตรการป้องกันเบื้องต้นของเขาคือ การทำฝายดักตะกอนชั่วคราวกั้นในแหล่งน้ำ ก่อนที่น้ำจะไหลสู่ชุมชน

โดยวัสดุที่ใช้ทำฝายดักตะกอน ประกอบไปด้วยหิน ทรายละเอียด ทรายหยาบ ซีเมนต์ จะมีประสิทธิภาพดักตะกอนท้องน้ำได้ 80% ส่วนอีก 20% มักจะมาในรูปแบบของสารละลายหรือคอลลอยด์ที่หลุดลอดออกไปได้

ส่วนตะกอนที่มีการปนเปื้อน ซึ่งถูกดักอยู่หน้าฝาย จะต้องถูกดูดหรือตักออกไปกำจัดโดยการฝังกลบอย่างปลอดภัยต่อไป และการออกแบบฝายดักตะกอน รัฐต้องออกแบบให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางน้ำให้น้อยที่สุด

related