svasdssvasds

วิกฤตหมีในญี่ปุ่น ออกทำร้ายคนมากขึ้น เปิดสาเหตุประชากรหมีล้นเมืองในญี่ปุ่น

วิกฤตหมีในญี่ปุ่น ออกทำร้ายคนมากขึ้น เปิดสาเหตุประชากรหมีล้นเมืองในญี่ปุ่น

คนญี่ปุ่นผวา หมีออกทำร้ายคนมากขึ้น เดือนเมษายน-กันยายน 2568 พบเห็นหมีไปแล้วมากกว่า 20,000 ครั้ง มากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 2009 เหตุใดญี่ปุ่นจึงเผชิญหน้ากับวิกฤตหมีล้นเมือง?

ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน หมีในญี่ปุ่นถูกจับและถูกฆ่าไปมากกว่า 6,000 ตัว หลังจากพวกมันเข้ามาหากินใกล้ชุมชน และโจมตีมนุษย์ไปมากกว่า 100 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นหมีมากกว่า 20,000 ครั้ง สูงสุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 2009 ตัวเลขนี้บ่งบอก ถึงความขัดแย้งระหว่างคนกับหมีที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงวิกฤตประชากรหมีในญี่ปุ่นที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว 

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พื้นที่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เช่น จังหวัดโทโฮคุ, อิวาเตะ, อาคิตะ, อาโอโมริ และยามากาตะ เป็นภูมิภาคที่มีหมีดำ (Asiatic black bears) อาศัยอยู่จำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่พบคนถูกหมีโจมตีมากที่สุด โดยเฉพาะในจังหวัดโทโฮคุที่มีสัดส่วนการพบเจอหมีมากสุดในประเทศถึง 60% 

Cr.AFP

ทำไมหมีในญี่ปุ่นจึงเพิ่มจำนวนขึ้น?

หมีส่วนใหญ่ที่พบจะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ นั่นคือ หมีดำเอเชีย (Asiatic Black Bear) และ หมีสีน้ำตาล (Brown Bear) ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ามีหมีดำเอเชียบนเกาะฮอนชู ประมาณ 44,000 ตัวในขณะที่ประชากรหมีสีน้ำตาล บนเกาะฮอกไกโดมีประมาณ 12,000 ตัว เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่า การเพิ่มขึ้นของประชากรหมีในญี่ปุ่นเกิดจากหลากหลายปัจจัย

จำนวนพราน “มาตากิ” ลดน้อยลง

มาตากิ หรือ มาทากิ (Matagi) คือพรานป่าล่าหมีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ผู้ที่เคยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เชี่ยวชาญในการควบคุมประชากรหมี แต่ปัจจุบัน จำนวนมาทากิในญี่ปุ่นลดน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่เมื่อปี 1980 

โดยจากสถิติล่าสุด (ปี 2020) มีนายพรานมาทากิเหลืออยู่ประมาณ 220,000 คนทั่วประเทศ และมาทากิส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป อายุที่มากขึ้นทำให้ประสิทธิภาพในการล่าลดน้อยลง และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้ตำแหน่งสำคัญนี้ไม่มีคนมาสานต่อ เนื่องจากเป็นงานที่เสี่ยงและอันตรายถึงชีวิต แม้จะมีพรานมาทากิรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นมาอยู่บ้าง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อวิกฤตหมีที่เกิดขึ้น

พรานมาตากิรุ่นใหม่ Cr.AFP

การลดลงของมนุษย์ในชนบท

เนื่องจากญี่ปุ่นเผชิญกับวิกฤตอัตราการเกิดต่ำ รวมถึงการย้ายถิ่นฐานของคนหนุ่มสาวเข้าสู่เมือง นั่นจึงทำให้ชุมชนในภูมิภาคดังกล่าว มีผู้คนอาศัยลดน้อยลง และส่งผลให้ขอบเขตดั้งเดิมระหว่างที่อยู่อาศัยของมนุษย์กับหมีเริ่มเลือนลาง

ปัญหาขาดแคลนอาหารในภูเขา 

เมื่อภูเขาหลายแห่งเริ่มแออัดไปด้วยประชากรหมี นั่นจึงทำให้ทรัพยากรสำคัญอย่างอาหารเริ่มมีการถูกแย่งชิง นอกจากนี้ ลูกโอ๊กซึ่งเป็นอาหารหลักของหมีก่อนที่จะเข้าสู่การจำศีล ผลผลิตลูกโอ๊กในปีนี้และปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก มีปริมาณลดต่ำลง นั่นจึงทำให้หมีที่หิวโหยต้องออกหาอาหารในเมือง ซึ่งพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน ที่มีทั้งต้นพลับและเกาลัด เป็นแหล่งดึงดูดชั้นดีให้หมีเข้ามาใกล้เขตที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ภาพกล้องวงจรปิด หมีในซูเปอร์มาเก็ต Cr.AFP

ผลกระทบภาวะโลกร้อน

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้หมีมีอาหารที่สมบูรณ์มากขึ้นในช่วงก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ฤดูหนาวที่อุ่นขึ้นก็ทำให้หมีจำศีลช้าลง ส่งผลให้มีโอกาสเผชิญหน้ากับมนุษย์มากขึ้น

หมีขาดความกลัวมนุษย์ 

ผู้เชี่ยวชาญสังเกตได้ว่าพฤติกรรมหมีใด้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เมื่อหมีเจอคน มันจะวิ่งหนี แต่เดี๋ยวนี้กลับกระโจนเข้าใส่และทำร้าย และยิ่งเข้าใกล้แม่หมีที่มีลูกน้อย พวกมันก็จะยิ่งดุร้ายมากยิ่งเพราะหวงลูก 

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าลูกหมีที่เริ่มสัมผัสกับมนุษย์บ่อยขึ้นจะกลัวมนุษย์น้อยลง แม่หมีที่กระเตงลูกมาหาอาหารด้วย ในบางพื้นที่ ความน่ารักของลูกหมีก็ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเผลอให้อาหารพวกมัน ซึ่งเมื่อลูกหมีและแม่หมีติดใจในรสชาติพืชผลทางการเกษตรของมนุษย์มากขึ้น พวกมันจึงเริ่มชินและไม่กลัวการเข้าใกล้ของมนุษย์อีกต่อไป

Cr.Reuters

เส้นแบ่งระหว่างป่ากับเมืองเลือนลางมากขึ้น

การลดลงของประชากรในพื้นที่ชนบททำให้พื้นที่ทางการเกษตรและฟาร์มหลายแห่งเริ่มถูกทิ้งร้าง ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มักอยู่ใกล้กับป่า ซึ่งเป็นเส้นแบ่งแดนระหว่างคนกับหมีที่ค่อยๆจางหายไป นั่นจึงทำให้หมีข้ามเขตแดนรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่มนุษย์เคยอาศัยอยู่

กฎหมายล่าสัตว์ที่เข้มงวด

การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายก็มีส่วนในการเพิ่มขึ้นของประชากรหมี เนื่องจากในช่วงหนึ่ง หมีในญี่ปุ่นได้รับสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำให้ประชากรหมีเริ่มเพิ่มฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในเรื่องของนักล่าลดลง กฎหมายการครอบครองอาวุธเข้มข้นขึ้น จึงทำให้การล่าโดยมนุษย์เป็นไปอย่างจำกัด

ญี่ปุ่นจัดการอย่างไร ให้คนกับหมีอยู่ร่วมกันได้?

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธชินโต ซึ่งมีความเชื่อดั้งเดิมว่าคนต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเคารพ นั่นจึงทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ธรรมชาติที่ดีคือความสมดุลระหว่างประชากรสัตว์กับคน ดังนั้น การกำจัดประชากรหมีจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสงสารหรือกลัวบาป แต่เป็นการประคับประคองให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน เพราะมันคือเรื่องปกติของห่วงโซ่อาหาร

Cr.AFP

คนญี่ปุ่นมองสัตว์นักล่าอย่างเข้าใจมากขึ้น พื้นที่ไหนที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ก็จะหลีกเลี่ยงและปล่อยให้พื้นที่นั้นเป็นของพวกมัน เพื่อให้พวกมันไม่มองมนุษย์เป็นอาหาร 

มาตรการสำหรับประชาชน ป้องกันตัวจากหมี 

  • การใช้เทคโนโลยีและการเฝ้าระวัง

ญี่ปุ่นได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพื่อติดตามและเตือนภัยหมี เช่น มีการทำระบบแผนที่และแอปพลิเคชันเตือนภัยแบบเรียลไทม์ เช่น kumamori map และ kumamap นอกจากนี้ยังมีแอปหนึ่งชื่อ BowBear ที่เปิดให้คนที่พบเห็นร่องรอยของหมี สามารถช่วยกันปักหมุดแจ้งพิกัด เป็นฐานข้อมูลและเฝ้าระวังให้กับเจ้าหน้าที่

Cr.AFP

มีการใช้กล้องวงจรปิดตรวจจับด้วย AI มาใช้ในเขตความเสี่ยงสูง ระบบนี้จะตรวจจับความเคลื่อนไหวของหมี และแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อหามาตรการในการป้องกันโดยไม่ต้องฆ่าพวกมัน

มีการใช้หุ่นยนต์ขับไล่ เช่น หุ่นยนต์หมาป่า ที่เรียกว่า Wolf Kamuy ในพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อขับไล่หมีและสัตว์ป่าอื่น ๆ

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการอยู่ร่วมกัน

ทางการแนะนำประชาชนให้สร้างเสียงดัง เช่น การพูดคุย ร้องเพลง ปรบมือ พกกระดิ่ง และวิทยุ เพื่อให้หมีรับรู้ถึงการมีอยู่ของมนุษย์ เพราะอย่างไรเสีย หมีจะกลัวเสียงของมนุษย์มากที่สุด

มีมาตรการจัดการอาหารและถิ่นที่อยู่ คือ ห้ามทิ้งอาหารหรือขยะที่มีกลิ่นหอมไว้กลางแจ้งเด็ดขาด และควรกำจัดต้นไม้ที่มีผลในพื้นที่ใกล้ภูเขา 

Cr.AFP

ข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น  เมื่อเจอหมี ห้ามวิ่งหนีโดยเด็ดขาด เพราะจะกระตุ้นสัญชาตญาณการไล่ล่าของหมี หากถูกโจมตีควรใช้ท่าป้องกันตัวโดยการนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นและกอดมือประสานไว้ที่หลังคอ เพื่อป้องกันศีรษะและลำคอ แต่หากเจอหมีอยู่ไกล ๆ ให้ใจเย็น ค่อย ๆ ถอยออกจากพื้นที่อย่างช้าห้ามส่งเสียงดัง หากเป็นไปได้ เวลาไปไหนคนเดียวให้ไปกันเป็นกลุ่ม

คนที่พื้นที่เสี่ยง สามารถพกอุปกรณ์ป้องกันตัวได้ เช่น สเปรย์ขับไล่หมี ที่ควรจัดเก็บไว้ในจุดที่หยิบใช้ได้ง่าย และกระทรวงศึกษาฯยังแนะนำให้เด็ก ๆ พกขวดพลาสติกเปล่า เพื่อบีบให้เกิดเสียงที่หมีไม่ชอบ

แนวทางการจัดการหมีล้นเมืองของรัฐบาลญี่ปุ่น

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งกองกำลังป้องกันตนเอง (JSDF-Japan Self-Dedense Forces) ไปยังจังหวัดอาคิตะ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหมีล้นเมือง และให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ ที่รวมถึง การติดตั้งกับดักกล่อง การส่งนายพรานมาทากิไปยังพื้นที่ยังรวดเร็ว การช่วยกำจัดซากหมีที่ตายแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการจำกัดการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ในการลดจำนวนหมี เพื่อลดการปะทะที่ไม่จำเป็น

Cr.Reuters

และที่สำคัญคือปี 2024 รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกสถานะการคุ้มครองหมีบางส่วน และเปลี่ยนสถานะพวกมันให้เข้าไปอยู่ในบัญชีสัตว์ที่ต้องมีการควบคุมประชากร ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่

ทั้งหมดนี้คือมาตรการการจัดการให้คนอยู่ร่วมกันกับสัตว์ป่าอย่างเข้าใจธรรมชาติของกันและกันแบบฉบับญี่ปุ่น ในแต่ละประเทศทั่วโลกก็มีปัญหาในลักษณะคล้าย ๆ กัน นั่นคือความขัดแย้งคนกับสัตว์ป่า ซึ่งก็มีรูปแบบและมาตรการการจัดการที่แตกต่างกันไป

ที่มาข้อมูล

Ritsumei

Japan Today

The Japan News

OPB

related