
ที่งาน "Green Hug ตลาดนัดรักษ์โลก" หัวข้อสนทนาบนเวทีสัมมนา "รักษ์โลกไปกับ EV" ได้สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของยานพาหนะ แต่คือการเดิมพันทางเศรษฐกิจและการออกแบบคุณภาพชีวิตของคนเมืองใหม่
จากความกังวลเมื่อ 5 ปีก่อน สู่ยอดจดทะเบียนที่พุ่งสูงถึง 1 ใน 4 ของรถใหม่ในปัจจุบัน อะไรคือเบื้องหลังจุดเปลี่ยนนี้ และก้าวต่อไปของสังคมไทยในยุคยานยนต์ไฟฟ้าคืออะไร?
ย้อนกลับไปราว 3-5 ปีที่แล้ว ถนนเมืองไทยมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) วิ่งอยู่เพียงหลักพันคัน สถานการณ์ในขณะนั้นเปรียบเสมือนทางตัน หรือปัญหาโลกแตกแบบ "ไก่กับไข่"
พิชิต พงษ์ประเสริฐ หัวหน้ากองธุรกิจโซลูชั่นยานยนต์ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ฉายภาพบนเวทีว่า ในเวลานั้นคนไม่กล้าซื้อรถเพราะกลัวไม่มีที่ชาร์จ ส่วนเอกชนก็ไม่กล้าลงทุนตั้งสถานีเพราะไม่มีรถวิ่ง ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ผู้ใช้ แต่สะเทือนถึงฐานะของไทยที่เป็นฐานการผลิตยานยนต์สำคัญ หากโลกเปลี่ยนเป็น EV แต่ไทยปรับตัวไม่ทัน ค่ายรถยนต์เดิมอาจล้มหายตายจากไป
กฟผ. จึงตัดสินใจรับบท "ผู้เริ่ม" (First Mover) เพื่อทลายกำแพงความกลัวนี้ ด้วยแนวคิดที่ว่าภาครัฐต้องยอมลงทุนก่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยการปูพรมสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ของตนเองกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมเส้นทางหลัก ซึ่งเปรียบเสมือนการจุดชนวนให้เอกชนรายอื่นกล้ากระโดดเข้ามาลงทุนตาม
ผลลัพธ์จากการแก้เกมนี้ชัดเจน จากสถานีชาร์จหลักร้อยสู่กว่า 3,000 สถานีในปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยพุ่งทะยานจาก 1,000 คัน สู่ 250,000 คัน ตัวเลขล่าสุดในเดือนตุลาคมชี้ว่า ทุกๆ การจดทะเบียนรถใหม่ 4 คัน จะมีรถ EV อยู่ 1 คัน (25%) พิสูจน์ให้เห็นว่าความมั่นใจได้ถูกกู้คืนกลับมาแล้ว
ในขณะที่ กฟผ. มองในมุมโครงสร้างพื้นฐาน สองสาวอินฟลูเอนเซอร์สายรักษ์โลก Go Green Girls อย่าง แจม-พีรกานต์ จูฑะพงศ์ธรรม และ ออม-กนกวรรณ บุณยะสุต ได้สะท้อนมุมมองของผู้ใช้งานจริงในงานนี้ว่า EV ไม่ใช่แค่เทรนด์ฉาบฉวย
"มันมีความเป็นแฟชั่นอยู่จริง แต่มันคือแฟชั่นที่เปลี่ยนโลกได้" สองสาวกล่าว พร้อมชี้ว่า EV ทำให้คนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ
สิ่งที่ Go Green Girls เน้นย้ำคือ การมองภาพที่ใหญ่กว่ารถส่วนตัว นั่นคือ "ระบบขนส่งสาธารณะ" พวกเธอยกตัวอย่างรถเมล์ไฟฟ้า (เช่น Thai Smile Bus) ที่เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง จากความทุกข์ทนกับควันดำ มาเป็นความสะอาดและสบายใจ ซึ่งสะท้อนว่าความยั่งยืนไม่ใช่ภาระ แต่คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับพวกเธอ การลดลงของรถสันดาปคือกุญแจสำคัญสู่การออกแบบเมืองที่ "หายใจได้" เมืองที่เอื้อต่อการเดิน และเป็นมิตรกับผู้คนจริงๆ ไม่ใช่แค่เมืองที่มีแต่ตึกสูงเสียดฟ้า
เวทีสัมมนาในงาน Green Hug ครั้งนี้ ให้ข้อสรุปที่สอดคล้องกันว่า ยานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว การขับเคลื่อนของ กฟผ. ช่วยพยุงเศรษฐกิจและฐานการผลิตของประเทศ ในขณะที่มุมมองของคนรุ่นใหม่อย่าง Go Green Girls ยืนยันว่า นี่คือเครื่องมือในการกู้คืนอากาศบริสุทธิ์
วันนี้ "รักษ์โลก" จึงไม่ใช่คำสวยหรูที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป แต่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในภาคขนส่ง กำลังกลายเป็น "ทางรอด" ที่จำเป็นเร่งด่วนสำหรับทั้งเศรษฐกิจและปอดของคนไทยทุกคน