svasdssvasds

ชาวยุโรปเผชิญมลพิษทางอากาศ เอี่ยวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 2.79 แสนราย

ชาวยุโรปเผชิญมลพิษทางอากาศ เอี่ยวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 2.79 แสนราย

ชาวยุโรป 95 เปอร์เซ็นต์ เผชิญมลพิษทางอากาศในระดับที่ไม่ปลอดภัย และสัมพันธ์กับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเกือบ 279,000 รายในปี 2023

SHORT CUT

  • องค์การสิ่งแวดล้อมยุโรป (EEA) รายงานว่า ในปี 2023 มลพิษทางอากาศมีความเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในสหภาพยุโรปจำนวน 279,000 ราย
  • สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสฝุ่น PM2.5 (182,000 ราย) ตามมาด้วยโอโซน (63,000 ราย) และไนโตรเจนไดออกไซด์ (34,000 ราย)
  • แม้ตัวเลขจะยังสูง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงกว่า 57% เมื่อเทียบกับปี 2005 และลดลงจากปี 2022 ในทุกประเภทมลพิษ

ชาวยุโรป 95 เปอร์เซ็นต์ เผชิญมลพิษทางอากาศในระดับที่ไม่ปลอดภัย และสัมพันธ์กับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเกือบ 279,000 รายในปี 2023

รายงานฉบับใหม่ขององค์การสิ่งแวดล้อมยุโรป (European Environment Agency : EEA) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเกือบ 280,000 รายทั่วสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2023 ที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศที่มีความเข้มข้นเกินกว่าระดับที่ถือว่าปลอดภัย

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศของ EEA ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ ชี้ให้เห็นว่า การปรับระดับมลพิษทางอากาศให้อยู่ในระดับที่เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด อาจช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากการสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก โอโซนและไนโตรเจนไดออกไซด์ทั่วสหภาพยุโรปได้ประมาณ 279,000 ราย ในปี 2023 พร้อมเสริมว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของชาวยุโรปกำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศในระดับที่ไม่ปลอดภัย

ก่อนหน้านี้ในปี 2021 องค์การอนามัยโลกได้ออกแนวทางที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ หลังจากงานวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่า ฝุ่น PM2.5 หน่วยวัดที่ใช้กันมากที่สุดในการวัดคุณภาพอากาศ เป็นอันตรายมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยงานวิจัยหลายชิ้นเชื่อมโยง PM2.5 เข้ากับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โรคหัวใจหรือปอด โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง โรคหอบหืดและอาการทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ

ชาวยุโรปเผชิญมลพิษทางอากาศ เอี่ยวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 2.79 แสนราย

 

มลพิษ

เกณฑ์แนะนำคุณภาพอากาศ (AQGs) ปี 2021

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 (ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)

รายปี: 5

ราย 24 ชั่วโมง:  15

โอโซน (ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)

ค่าเฉลี่ย 8 ชั่วโมง: 100

ไนโตรเจนไดออกไซด์ (ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)

รายปี: 25

ราย 24 ชั่วโมง: 40

 

เกณฑ์แนะนำคุณภาพอากาศ (AQG) โดยองค์การอนามัยโลก ปี 2021

รายงานระบุว่า ฝุ่น PM2.5 เชื่อมโยงกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 182,000 รายทั่วสหภาพยุโรปในปี 2023 โดยส่วนใหญ่อยู่ในอิตาลี โปแลนด์ และเยอรมนี แม้ตัวเลขจะสูง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2005 สะท้อนว่าสหภาพยุโรปบรรลุเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษทางอากาศลงถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการลดมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Pollution Action Plan) ปี 2021

นอกจากนี้การสัมผัสกับความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์ที่สูงกว่าเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแหล่งการเผาไหม้ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนประมาณ 34,000 รายทั่วสหภาพยุโรปในปีเดียวกัน โดยตุรกี อิตาลีและเยอรมนี เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด แต่ตัวเลขนี้ลดลงเมื่อเทียบกับทั้งปี 2005 และ 2022 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดการปล่อยมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าและความร้อน รวมถึง การคมนาคมขนส่งทางถนนที่ลดลง

ชาวยุโรปเผชิญมลพิษทางอากาศ เอี่ยวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 2.79 แสนราย

ส่วนการสัมผัสความเข้มข้นของโอโซนในระดับที่สูงกว่าแนวทางขององค์การอนามัยโลกทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 63,000 ราย โดยแหล่งกำเนิดโอโซนที่สำคัญ ประกอบด้วย การเผาไหม้ของยานพาหนะและเชื้อเพลิงฟอสซิล กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ตัวทำละลายทางเคมี

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า เมื่อเทียบกับปี 2022 จำนวนผู้เสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 ไนโตรเจนไดออกไซด์และโอโซนลดลง 23.8 เปอร์เซ็นต์ 29.2 เปอร์เซ็นต์ และ 10 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

 

ปี

ฝุ่น PM2.5

ไนโตรเจนไดออกไซด์

โอโซน

2022

239,000 ราย

48,000 ราย

70,000 ราย

2023

182,000 ราย

34,000 ราย

63,000 ราย

จำนวนการเสียชีวิตที่เกิดจากการสัมผัสความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศเกินกว่าแนวปฏิบัติของ WHO ในปี 2022 และ 2023 ข้อมูลโดย EEA

รายงานระบุด้วยว่ามลพิษทางอากาศส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เนื่องจากเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด ขณะเดียวกัน รายงานยังระบุด้วยว่าหลักฐานใหม่บ่งชี้ว่ามลพิษทางอากาศอาตส่งผลต่อการพัฒนาของโรคสมองเสื่อมด้วย

ที่มา: Earth.Org