svasdssvasds

เริ่มต้นปี 2024 กับ Green Product Trend เทรนด์ที่เปลี่ยนคนละนิดก็ช่วยโลกแล้ว

เริ่มต้นปี 2024 กับ Green Product Trend เทรนด์ที่เปลี่ยนคนละนิดก็ช่วยโลกแล้ว

กระแสรักษ์โลก กำลังเป็นที่พูดถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั่วทุกภาคของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในวงสังคมขนาดเล็ก หน่วยงานทั่วไป บริษัทขนาดใหญ่ จนถึงองค์กรระดับโลก ต่างปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ บริการ และการทำงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

ปัจจุบันนี้กระแสรักษ์โลก กำลังเป็นที่พูดถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั่วทุกภาคของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในวงสังคมขนาดเล็ก หน่วยงานทั่วไป บริษัทขนาดใหญ่ จนถึงองค์กรระดับโลก ต่างปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ บริการ และการทำงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น โดยกระแสรักษ์โลกเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภาวะโลกร้อน (Global Warming) และความแปรปรวนของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ (Climate Change) ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะวิกฤต

ด้วยสภาวะโลกในปัจจุบัน และกระแสรักษ์โลก ทำให้ผู้บริโภคใส่ใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิด Green Product Trend หรือ เทรนด์สินค้าที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Green Product จะถูกออกแบบและผลิตขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การเก็บเกี่ยววัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน และ การกำจัด

และวันนี้เรามีไอเดียการเปลี่ยนแปลงไอเทมในชีวิตประจำวันง่ายๆ โดยที่แค่เปลี่ยนมาใช้ green product ก็ได้ช่วยกันรักโลกแล้ว

Green Product ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก

มาเริ่มต้นที่ของชิ้นแรก "กล่องข้าว"

กล่องข้าว อาจจะดูเป็นของที่ธรรมดา แต่ของที่ธรรมดาอย่างกล่องข้าว อาจะเป็นขยะที่เราแทบทุกคนผลิตขึ้นในทุกๆวัน ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่ทุกคนต่างเร่งรีบ งานยุ่ง หรือ เรียนหนัก ทำให้เราทำอาหารทานเองน้อยลง เลือกที่จะพึ่งร้านค้า หรือบริการสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น

ซึ่งการสั่งอาหารนี่แหละ ที่ทำให้เราผลิตขยะขึ้นจำนวนมาก โดยหากคิดง่ายๆ ใน 1 วัน มีทั้งหมด 3 มื้อ หากเราสั่งอาหารจากแอปส่งอาหารทั้งสามมื้อ หรือซื้ออาหารนอกบ้าน ก็จะมีถุงสามใบ กล่องข้าว 3 กล่อง และ ช้อนส้อมอีก 3 คู่ หรือขยะอื่นๆเช่น ถุงน้ำซุป หรือ ถุงน้ำจิ้ม ว่ากันง่ายๆคือ แค่ตื่นนอน และ ทานอาหารเราก็ผลิตขยะกันร่วม 20 ชิ้นแล้ว

โดยถ้าเราลดการสั่งอาหารจากแอพสั่งอาหารออนไลน์ เปลี่ยนเป็นทำอาหารทานเอง หรือ อุดหนุนร้านค้าใกล้บ้าน  โดยเตรียมกล่องใส่อาหารที่สามารถล้างและใช้ซ้ำได้ ก็จะยิ่งช่วยลดปริมาณขยะได้มากขึ้นอีก และ สำหรับไอเทมกล่องข้าวที่สามารถล้างและใช้ซ้ำได้เรามีแบรนด์สินค้าที่ผลิตโดยคนไทยมาแนะนำด้วยนั่นก็คือ Hako and co.

กล่องข้าว hako

  1. Hako and co.

Hako and co. แบรนด์กล่องใส่อาหารฝีมือคนไทย 

โดยแบรนด์นี้ก่อตั้งในปี 2022 โดยมีผู้ก่อตั้ง 2 คน ซึ่งทั้งสองเป็นพนักงานออฟฟิศที่ชอบซื้ออาหารตามสั่ง หรือ อาหารจากนอกบ้านมาทาน แล้ววันหนึ่งมานั่งสังเกตุถึงปริมาณขยะที่ตัวเองสร้างขึ้นมา พบว่าขยะที่เกิดจากภาชนะที่ใช้ในการใส่อาหารมีอยู่เยอะมาก เกือบ 20 ชิ้น ต่อครั้ง เลยอยากที่จะทำแบรนด์กล่องข้าวที่สามารถพกพา และ นำกลับมาใช้ซ้ำได้ 

โดยเจ้ากล่องข้าว hako นี้ ถูกคิด และ ดีไซน์มาอย่างครอบคลุมสำหรับการจะเป็นภาชนะสุดคูลที่ใครเห็น ก็อยากใช้ตาม ไม่ว่าจะ พับเพื่อพกพาได้ สามารถแช่ช่องฟรีซ ใส่เตาอบ ไมโครเวฟ หรือ หม้อนึ่ง ก็ยังได้ แถมมากับสีสันที่น่ารัก และ ทางแบรนด์เคลมว่า สามารถใช้งานได้นานถึง 3-5 ปี 

กล่องข้าว hako

โดยปัจจุบันนี้สินค้าของทางร้านมี 2 แบบคือ

  1. แบบช่องเดียว (kub kang)
  2. แบบ 2 ช่อง (kub kao) โดยสามารถพับ และ พกพาได้ทั้งสองรุ่น

กล่องข้าว hako

สำหรับใครที่สนใจกล่องข้าวพับได้ (คลิกที่นี่)

ขอบอกเลยว่า TikTok ของแบรนด์ hako นั้นทำคอนเทนต์การออกไปซื้อข้าวในหลายๆร้านอาหาร ไม่ว่าจะร้านโจ๊ก ร้านขนม ร้านข้าวแกง ทางเจ้าของแบรนด์ลองมาให้หลายร้านว่าใช้กล่อง hako ซื้อได้จริง และ พ่อค้าแม่ค้าก็น่ารัก และ ให้ความร่วมมือมากด้วย

มาต่อกันกับไอเทมที่สอง ตามมาจากกล่องข้าว นั่นก็คือ แก้วน้ำ โดยแก้วน้ำและหลอด ก็เป็นขยะที่เราผลิตกันมากใน 1 วันเช่นกัน โดยแก้วที่สามารถใช้ซ้ำ เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลายแบรนด์ รวมถึงร้านกาแฟต่างๆ ก็มีโปรโมชั่นเช่น นำแก้วมาเอง ลดราคาเครื่องดื่ม โดยการหันมาพกแก้วน้ำที่ใช้ซ้ำได้ก็จะลดปริมาณขยะ แถมอาจช่วยเซฟเงินในกระเป่าอีกด้วย

และแบรนด์แก้วน้ำที่เราหยิบมาแนะนำวันนี้คือ Stojo แก้วพับได้ 

  2. Stojo

Stojo เป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกัน ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2012 โดยคุณพ่อสามคน ที่อาศัยอยู่ในเมือง Brooklyn ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และต้องการที่จะผลิตแก้วที่ พับได้ ไม่รั่ว ดูดี และ ทำให้ผู้คนบอกลาวัฒนธรรมการใช้แก้วแบบใช้แล้วทิ้ง

Stojo แก้วพับได้ 

โดยแก้ว stojo ทำจากซิลิโคนคุณภาพ premium มีหลายสี หลายไซส์ให้เลือก และนอกเหนือจาก แก้ว ทางแบรนด์ stojo เองก็ยังมีสินค้าอื่นๆด้วย เช่น ขวด กระบอกน้ำ หลอด กล่องใส่อาหาร และ ชาม โดยคงคอนเซปต์การพับได้ และ มีหลายสี และ ขนาด เช่นเดียวกันกับแก้ว 

Stojo แก้วพับได้

โดยหากใครสนใจสามารถหาซื้อกันได้ผ่านช่องทางออนไลน์ Stojo Thailand Official หรือตาม Starbucks หลายๆสาขาก็มีทีทาง Stojo ทำร่วมกับ Starbucks นะ

มาต่อกันที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแชมพู สบู่ น้ำยาซักผ้าต่างๆ โดยขยะก็จะเกิดขึ้นเมื่อบรรดาผลิตภัณฑ์ในขวดนั้นหมด และเราก็ทิ้งขวดเหล่านั้นไป อาจจะมีบ้างบางแบรนด์ที่ทำสินค้าแบบถุงเติมออกมา แต่ส่วนมากก็ยังไม่มี โดยสินค้า และ บริการที่เราอยากนำเสนอเป็นอันดับ 3 นั่นก็คือ Refill Station หรือ สถานีรีฟิลนั่นเอง

 3. Refill Station

Refill station ซึ่งก็ความหมายตรงตัวกับชื่อแบรนด์เลย คือ สถานีรีฟีล หรือ สถานีสำหรับมาเติมของ โดยเจ้าของแบรนด์นี้ก็เป็นคนไทยเช่นกัน โดยมีผู้ก่อตั้งสามคน ที่ได้ไปดูคลิปของอนุรักษ์คนหนึ่งที่โชว์ปริมาณขยะที่เธอผลิต โดยทั้งปีเธอผลิตขยะเพียงแค่ 1 โหลแก้วที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ โดย 1 ทริคที่เธอใช้คือการซื้อสินค้า อุปโภคบริโภคจากร้าน Bulk store หรือคือร้านประเภทที่ให้ลูกค้าเตรียมภาชนะมาใส่สินค้าด้วยตัวเอง เพื่อลดปริมาณการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ โดยเมื่อพยายามค้นหาร้าน bulk store ในไทยและพบว่า ไม่มีร้านแบบนั้นเลย จึงตัดสินใจที่จะทำเอง โดยเริ่มธุรกิจในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

https://www.facebook.com/refillstationbkk

ปัจจุบันนี้ Refill Station สามารถพบได้ตามห้างสรรพสินค้า เช่น tops supermarket หลายๆสาขา ใกล้ๆกับโซนอาหารเพื่อสุขภาพ โดยมีขวดสำหรับบรจุผลิตภัณฑ์รีฟิลกลับบ้านได้เลย

และสุดท้าย ได้เวลานำกล่องข้าว แก้วน้ำ และน้ำยาทำความสะอาดต่างใส่กระเป๋ากันแล้ว โดยกระเป๋าและถุงผ้าปัจจุบันก็มีมากมายหลายทรง เลือกใช้กันแทบไม่หมด แต่สำหรับไอเดียการเลือกซื้อกระเป่าเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม ก็ควรเลือกกระเป๋าที่ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน เพื่อให้เราไม่ต้องซื้อกระเป่าเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ โดยแบรนด์กระเป่าที่เราหยิบมาแนะนำในวันนี้คือแบรนด์ Baggu แบรนด์ที่ดีไซน์สวย และทนทาน

  4. Baggu

Baggu เป็นแบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2007 โดยคุณ Emily Sugihara คุณแม่ของเธอ Joan และ Ellen Vanderlaan 

https://anthemmagazine.com/studio-visit-baggu/

ซึ่งทั้งสามต้องการจะผลิตกระเป๋าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ดูดี และราคาไม่แพง แต่ไม่สามารถหาได้เลยในช่วงนั้น จริงตัดสินใจที่จะผลิตขึ้นมาเอง โดยได้เป็น Baggu Standard ที่มีขนาด 15 นิ้ว รูปร่างดูคล้ายถุงพลาสติกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยมีหูหิ้วสองข้าง แต่ผลิตออกมาให้มีสายที่ยาวเพียงพอที่จะสะพายไหล่ได้

https://www.baggu.com/collections/best-sellers
โดย Baggu เป็นกระเป๋าที่มีชื่อเสียงถึงดีไซน์ และ การใช้งานที่สามารถใช้งานได้จริง และตัวแบรนด์ก็ยังให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าออกมาให้เป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ Baggu รุ่น Standard  ผลิตจากเส้นด้ายไนลอนรีไซเคิล 100% ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบา ทนทาน และ สามารถล้างทำความสะอาดไดง่าย แถมยังแห้งไวอีกด้วย โดยเท่านั้นยังไม่พอ baggu มีลายและดีไซน์ที่เยอะมาก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

โดยปัจจุบันนี้ baggu มีไลน์สินค้าอื่นๆ อีกมากมายเช่น กระเป๋าเป้สะพายหลัง กระเป๋าสตางค์ หรือ แม้กระทั่ง ร่ม แต่สินค้าที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ก็ยังคงเป็นถุงชอปปิ้งไนลอนที่ปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้มีหลายขนาดทั้งเล็ก และ ใหญ่

ส่วนตัวก็เป็นหนึ่งในลูกค้าโดยไม่ได้ตั้งใจของ baggu โดยทางผู้เขียนมี baggu อยู่ 1 ใบ เป็นตัว standard baggu ลายลูกแพร์ โดยไม่รู้จักตัวแบรนด์ หรือ story เกี่ยวกับแบรนด์มาก่อน ในตอนนั้นมีเพื่อนซื้อมาจากต่างประเทศซื้อมาค่อนข้างเยอะ เพื่อนเลยขายต่อให้เพื่อนๆกันเอง ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปี 2016 จนปัจจุบันปี 2023 เจ้ากระเป๋า baggu ก็ยังสภาพดีเหมือนเดิม ตัวกระเป๋าจุของมาก แม้กระทั่งของหนักๆก็เอาอยู่ ซักง่าย แห้งไว ไม่ค่อยเปื้อน แถมที่สำคัญสามารถพับจนเหลือขนาดเล็กมากแค่ 1 ฝ่ามือเท่านั้น โดยยิ่งมารู้ story เกี่ยวกับแบรนด์ก็ยิ่งไม่แปลกใจเลยที่กระเป๋า baggu จะทนทาน แถมยังได้ช่วยโลกอีกด้วย

โดยใครที่สนใจ baggu สามารถหาซื้อผ่านแอพ shopping online , ร้าน ALAND บางสาขา และ Siam Discovery

Green Product ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก

จบกันไปแล้ว สำหรับ 4 ไอเทม Green Product จาก 4 แบรนด์สินค้ารักษ์โลก ที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองโดยจะซื้อมาใช้เอง ให้คนที่เรารัก หรือ จับฉลากในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ก็เป็นไอเดียที่ดีเลย จะได้ให้ทุกคนช่วยกันรักษ์โลกได้อีกด้วย

โดยผลิตภัณฑ์ที่คัดมาในวันนี้ ทั้งแก้วน้ำ กล่องข้าว กระเป๋า และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ใช้กันได้ทุกเพศ ทุกวัย 

ถึงแม้ว่าสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม อาจมีราคาที่สูงกว่าสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ถ้าคำนึงถึงในระยะยาว สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมส่วนมากมักจะสร้างมาให้สามารถใช้ซ้ำได้ และผลิตให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ในระยะยาว เราเสียเงินเพื่อซื้อสินค้าน้อยลงนั่นเอง

อ้างอิงบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

related