svasdssvasds

ธุรกิจไทย ต้องเร่งปรับตัวรับการค้าโลกใหม่ ลุย "ธุรกิจสีเขียว"

ธุรกิจไทย ต้องเร่งปรับตัวรับการค้าโลกใหม่ ลุย "ธุรกิจสีเขียว"

“ภูมิธรรม” ย้ำภาคธุรกิจไทย เร่งปรับตัวให้ทันกติกาการค้าโลกใหม่ เดินหน้าธุรกิจสีเขียวสร้างความยั่งยืน หนุนโอกาสทางการค้า พร้อมดันไทยนั่งเบอร์1 ในอาเซียน

ในงานสัมมนา “PostToday Thailand Economic Drive 2024 ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี 2567” จัดโดยสำนักข่าว Posttoday เวทีแห่งนี้มีการพูดถึงเศรษฐกิจไทยในมิติต่างๆมากมาย รวมถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยว่าจะไปในทิศทางไหนบ้าง หนึ่งในนั้น คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา “PostToday Thailand Economic Drive 2024 ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี 2567” เปิดเผยว่า สถานการณ์โลกทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก และการเปลี่ยนของโลกได้สร้างกฎระเบียบโลกใหม่ ทำให้ทุกประเทศต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

ทั้งนี้ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการติดตามสถานการณ์โลกต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ จะเห็นได้ว่าสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เช่น สงครามครามฮามาสก็เกิดขึ้น ซึ่งสร้างผลกระเทือนต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

พร้อมกันนี้ต้องจับตาเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยชะลอตัวไปมาก ไม่ว่าประเทศสหรัฐ และญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจจีน ยังมีปัญหาเรื่องภาคอสังริมทรัพย์ ซึ่งเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการส่งออก และภาคท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาหรือไม่ ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นได้

สำหรับเศรษฐกิจไทย ตอนนี้ยังไม่ดีขึ้น แม้ที่ผ่านมาเศรษฐกิจแนวโน้มคลายปมไปปลายอย่าง ถือว่าดีขึ้นเยอะ แต่ยังมีปัจจัยทางภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผันผวน ก็มีปัญหาที่ทำให้ไทยต้องคิดเยอะมากขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจจะดูปัจจัยใดปัจจัยเดียวไม่ได้ ขณะที่กระทรวงการคลังมองแบบนี้ ธนาคารโลกก็มองอีกแบบ สะท้อนว่าทุกอย่างผันผวนได้ แสดงว่า เราจะดำเนินธุรกิจต้องเห็นครบทุกด้าน

นอกจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจต่างๆแล้ว ปัจจัยที่จะมาเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่ที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยธรรมชาติ น้ำท่วม น้ำแล้ง หรือปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่กำลังจะมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดกฎระเบียบโลกครั้งใหม่อย่างมีนัยยะสำคัญ

ธุรกิจไทย ต้องเร่งปรับตัวรับการค้าโลกใหม่ ลุย "ธุรกิจสีเขียว"

จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิภาพอากาศได้กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพเศรษฐกิจ และสังคมอย่างมาก ซึ่งโลกอาจคิดว่า “ความยั่งยืน หรือ ESG” จะเป็นทางออกเดียวในขณะนี้ ดังนั้นความยั่งยืนจึงกลายเป็นกติกาสากลโลกจำเป็นต่อทุกประเทศ ดังนั้นการคิด การปลูก การผลิต ส่งออก ของเราได้ตอบโจทย์ความยั่งยืนโลกได้หรือไม่ หรือยังทำเหมือนเดิม โลกก็จะเปลี่ยนจากร้อนเป็นเดือด ดังนั้นเป้าหมายในการพัฒนาปัจจุบันจึงเน้นด้วยความยั่งยืน เป็นการกรอบในการพัฒนาโลกไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป สิ่งที่เห็นได้ชัดระเบียบแต่ละประเทศในการค้าขาย

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญกว่า ในเมื่อเราเป็นประเทศที่เผชิญกฎระเบียบโลกใหม่ เราจะใช้นโยบายความยั่งยืนให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลมีความชัดเจน ได้ประกาศเป้าหมายจะเดินไปในกรอบเป้าหมายของโลก คือ ประกาศเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 หรือ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวิสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มุ่งมั่นให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDGs) ในทุกมิติ ถ้าปรับตัวได้เราก็จะมีโอกาสทางการค้า โดยประกาศให้เราเป็นอันดับ1 ในอาเซียนให้ได้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเห็นว่าไทยให้ความสนใจในเรื่องนี้ ซึ่งจะสร้างแต้มให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว

พร้อมกันนี้ ย้ำว่าภาคการเกษตร เราได้ให้ความสำคัญต่อการปรับตัว นอกจากอ้อย สินค้าข้าว ก็ต้องปรับตัว เพราะเราปลูกข้ามากที่สุดซึ่งอาจเกิดปัญหา ซึ่งโรงงาน ภาคการผลิตทั้งหมด ก็ต้องกลับมาดูเรื่องพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน พลังงานสีเขียน พลังงานยั่งยืน ถ้าเปลี่ยนจะดึงดูการขายสินค้าในโลกได้มากขึ้น ถ้าไม่เปลี่ยนก็ขายไม่ได้ ถึงที่สุดก็ไม่สามารถส่งออกได้เพราะมีมีคนซื้อ

นอกจากนี้มีการจัดการแสดงสินค้าสีเขียวเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น เราส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไปดูเพื่อความเข้าใจและรับรู้เพื่อนำไปสู่การปรับตัว และขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาการค้าตามระเบียบการค้าโลกใหม่ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related