svasdssvasds

รีวิว The Lost Human หนังสือคู่มือสู่ทางรอดก่อนเข้าสู่ยุคสูญพันธุ์

รีวิว The Lost Human หนังสือคู่มือสู่ทางรอดก่อนเข้าสู่ยุคสูญพันธุ์

หนังสือ The Lost Human หนทางรอดก่อนยุคสูญพันธุ์ โดย วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ จะพาคุณไปสำรวจหายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น พร้อมตัวอย่างการกอบกู้โลกของคนตัวเล็กๆ

“มนุษย์คือลิงสองขาที่เดินหลงทาง"

ประโยคจากหนังสือ The Lost Human หนทางรอดก่อนยุคสูญพันธุ์ โดย วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสารสารคดีและผู้อำนวยการไทยพีบีเอสคนปัจจุบัน นี่คือหนังสือที่ผู้เขียนพาไปสำรวจหายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น

“คนในชุมชนมีความเชื่อว่าหากพวกเขาไม่ดูแลธรรมชาติก่อน พวกเขาก็จะไม่มีกิน พวกเขาเหล่านี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่ายังมีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อีกจำนวนมากที่มีความตั้งใจและลงมือทำอย่างแข็งขันเพื่อช่วยกันกอบกู้โลกอย่างจริงจัง”

ไม่เพียงแค่ผลกระทบด้านลบที่มนุษย์กระทำต่อสิ่งแวดล้อมในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ได้เดินทางไปพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชนทั่วประเทศ เพื่อไปสำรวจความพยายามที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ โดยไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน

รู้ไหมว่า...ทำไมชาวสุรินทร์สู้ภัยแล้งได้สำเร็จ

รู้ไหมว่า...ทำไมกระบี่เป็นจังหวัดแรกที่เลิกจับปลาด้วยโป๊ะน้ำตื้น

รู้ไหมว่า...มีหมู่บ้านหนึ่งในประเทศไทยผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้เอง

เมื่อครู่นี้ป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น หนังสือ The Lost Human มีทั้งหมด 4 บท ดังนี้ 1. เมื่อมนุษย์ทำร้ายตัวเอง 2. ผลกระทบที่คาดไม่ถึง 3. แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ 4. เมื่อมนุษย์ไม่ยอมจำนน และปิดเล่มไปด้วยบทส่งท้ายจากผู้เขียน

บทแรก “เมื่อมนุษย์ทำร้ายตัวเอง” ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการพาเราไปสำรวจเศษซากหายนะที่มนุษย์สร้างไว้ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มันเคยมีปัญหาว่าสิ่งแวดล้อมพูดไปคนก็ไม่อิน แต่ตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมานั้นดูน่ากลัว รุนแรง และใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เช่น ปัญหาขยะ น้ำทะเลจะท่วมกรุงเทพฯ  วิกฤตแม่น้ำโขง

บทที่สอง “ผลกระทบที่คาดไม่ถึง” เป็นที่เข้าใจว่าโลกในปี 2025 พัฒนามาไกลจากโลกเมื่อปี 1925 มากโข แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีแนวคิดจะใช้หรือล้างผลาญทรัพยากรโลกอย่างเดียว เราเพิ่งจะมีการรณรงค์ให้หาวิธีใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนไม่กี่ปีมานี้เอง

ในบทนี้ผู้เขียนได้นำตัวอย่างที่ร่วมสมัยมากางปัญหาให้เราได้อ่านกัน เช่น ปัญหาฟาสต์แฟชั่น วิกฤตผึ้งลดลง เปิดโปงเบื้องหลังความอร่อยของปลาแซลมอน ที่โยงไปถึงสารพิษในแม่น้ำที่ตกค้างถึงปลาแซลมอน การสร้างฝาย กำแพงกันคลื่น พะยูนถูกตัดหัว และสุดหายนะทางสิ่งแวดล้อมอย่าง ปลาหมอคางดำ

บทที่สาม “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์" เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกหดหู่และส่ายหน้ากับการกระทำของมนุษย์ แม้เราจะไม่ได้เป็นคนทำมันด้วยตัวเองก็ตาม แต่ลองนึกดูดี ๆ เราเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้โดยไม่รู้ตัว

บทนี้จึงชุบชูใจผู้อ่านด้วยการพาไปดูตัวอย่างการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เห็นเป็นแนวทาง หรือทิ้งเมล็ดพันธุ์การอนุรักษ์ไว้ในจิตใจผู้อ่าน เรื่อยไปตั้งแต่บทเรียนการแก้ปัญหาหมอกควันพิษ หรือเรื่องใกล้ตัวอย่างการปั่นจักรยาน จะช่วยลดมลพิษได้อย่างไร อ่านบทนี้จบแล้ว คุณคนนี้จะไม่ใช่คุณคนเมื่อก่อนจะอ่านอีกต่อไป

บทที่สี่ “เมื่อมนุษย์ไม่ยอมจำนน” ในบทนี้คือตัวอย่างการกู้โลกตามแบบวิถีของชาวบ้าน ที่ผู้เขียนเดินทางไปพูดคุยสัมผัสมาด้วยตัวเอง สร้างความเข้าใจด้วยการอธิบายคอนเซปต์เรื่อง Nature-base solutions แล้วขยายไปถึงการลงมือจริง เช่น ชุมชนเกาะจิก จ.ตราด ที่ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ไว้ใช้เอง

เกาะจิกตั้งอยู่ไกลจากแผ่นดินใหญ่ จึงไม่มีไฟฟ้าใช้ และใช้ตะเกียงน้ำมัน เพราะภาครัฐมาสำรวจแล้วบอกว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน กระทั่งในปี พ.ศ. 2547 ชาวบ้านจึงริเริ่มการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ด้วยโซลาร์เซลล์

“หลังจากที่มีโซลาร์เซลล์เข้ามา ชาวบ้านประหยัดเงินได้มากขึ้น เพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซลปั่นไฟน้อยลง บางบ้านประหยัดเงินได้อย่างน้อยเดือนละ 2,000-3,000 บาท” ณรงค์ชัย เหมสุวรรณ หรือ แต๊ก ผู้ใหญ่บ้านเกาะจิก

จุดเด่นของหนังสือ The Lost Human คือผู้เขียนมีองค์ความรู้ และสามารถเชื่อมโยงปัญหาสิ่งแวดล้อม สายไปถึงมิติอื่น ๆ ด้วย เช่น การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงวิทยาศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ ด้วยภาษาที่เรียบง่ายอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก

หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สำหรับผู้ที่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากแต่เป็นภาครัฐ องค์กรเอกชน NGO รวมถึงเราในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของชุมชน จังหวัด ประเทศไทย และสังคมโลก ล้วนควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะคำกล่าวที่ว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัวนั้น หนังสือ The Lost Human โดย วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ พิสูจน์แล้วว่าไม่จริงเลย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related