
เจาะลึกวิสัยทัศน์ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ กับภารกิจเปลี่ยน ‘ความยั่งยืน’ ให้เป็น ‘โอกาสทางธุรกิจ’ ของเครือซีพี
ในวันที่โลกกำลังส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดง อุณหภูมิเฉลี่ยโลกพุ่งสูงเฉียดเพดานอันตราย ภัยพิบัติอย่าง ‘Rain Bomb’ ถล่มเมือง รวมถึงเหตุการณ์ น้ำท่วมหาดใหญ่ และ ภาคใต้ในจังหวัดอื่นๆ และกติกาการค้ายุคใหม่ที่เข้มข้นขึ้น คำถามสำคัญสำหรับภาคธุรกิจในวันนี้จึงไม่ใช่ “เราควรทำเรื่องความยั่งยืนหรือไม่” แต่คือ “เราจะปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอดและเติบโตได้จริง”
สิ่งเหล่านี้ คือโจทย์ใหญ่ที่ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร และการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กำลังเร่งขับเคลื่อน เพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กรธุรกิจระดับโลกแห่งนี้ ให้ก้าวข้ามจากยุคของการทำรายงานความยั่งยืน ที่ใช้ CSR นำ ให้กลายเป็นความยั่งยืนที่เป็น “เนื้อเดียวกับธุรกิจ”
“ความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญของโลก ภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวต่อความท้าทาย” ดร.ธีระพล เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการชี้ให้เห็นถึง ‘Perfect Storm’ หรือพายุลูกใหญ่ที่กำลังโถมกระหน่ำภาคธุรกิจ
ความท้าทายที่ว่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ภาวะโลกร้อนที่กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารซึ่งเป็นหัวใจของซีพีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ปริมาณขยะมหาศาลที่รอการจัดการ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในยุค AI และที่สำคัญที่สุดคือ “กฎเกณฑ์ด้านธรรมาภิบาลโลก” ที่กดดันให้ทุกองค์กรต้องเปลี่ยนผ่านสู่ระบบที่ ตรวจสอบได้ มีมาตรฐาน และวัดผลได้จริง
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ เน้นย้ำ คือการรื้อถอนความคิดเดิมที่มองว่างานด้านความยั่งยืนเป็นเพียง “ภาระต้นทุน” (Cost Center)
ภายใต้นโยบายของ ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพี ที่ต้องการให้ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ “งานคู่ขนาน” แต่ต้องฝังอยู่ในทุกกลยุทธ์และการตัดสินใจ ซีพีจึงได้ยกระดับหน่วยงานกลางสู่การเป็น CP Sustainability Center of Excellence (CoE) หรือศูนย์ความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน
“สำหรับซีพี ความยั่งยืนไม่ใช่แค่การทำรายงาน แต่ต้องสร้างนวัตกรรมและคุณค่าทางธุรกิจไปพร้อมกัน” ดร.ธีระพล ขยายความถึงบทบาทของ CoE ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางบูรณาการยุทธศาสตร์ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตลอดห่วงโซ่คุณค่า
สิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ของซีพีน่าจับตามอง คือการแปลงนามธรรมของคำว่า ESG ออกมาเป็น 8 มิติทางธุรกิจที่จับต้องได้ ซึ่ง ดร.ธีระพล มองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
แม้จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยหรือกลยุทธ์ที่ซับซ้อน แต่ ดร.ธีระพล ย้ำว่า หัวใจของการขับเคลื่อนทั้งหมดนี้ ยังคงยึดมั่นในค่านิยม “3 ประโยชน์” ที่เครือซีพียึดถือมากว่า 100 ปี นั่นคือ ประโยชน์ต่อประเทศ ประโยชน์ต่อประชาชน และสุดท้ายจึงเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050 จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขสวยหรู แต่คือพันธสัญญาที่ซีพีต้องทำให้ได้ ผ่านการดึงพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศมาร่วมขบวน
“หัวใจสำคัญคือ ความยั่งยืนต้องไม่ใช่โครงการชั่วคราว แต่เป็นระบบการสร้างธุรกิจที่สร้างอิมแพ็คต่อสังคมอย่างแท้จริง” ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ทิ้งท้าย
การขยับตัวครั้งนี้ของเครือซีพี ภายใต้การนำของแม่ทัพด้านกลยุทธ์และความยั่งยืน จึงไม่ใช่เพียงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
แต่เป็นการประกาศจุดยืนว่า ในโลกยุคใหม่ “ธุรกิจที่ดี” ต้องเป็นธุรกิจที่ “โลกต้องการ” เท่านั้น และที่สำคัญที่สุด ต้องทำ ประเด็นความยั่งยืนให้เป็นเนื้อเดียวกับธุรกิจ