svasdssvasds

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

ต้นคริสต์มาสจริงหรือต้นคริสต์มาสปลอม แบบไหนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เมื่อมองตั้งแต่การผลิตจนถึงวันสุดท้ายของวงจรชีวิต

SHORT CUT

  • ต้นคริสต์มาสจริงมีรอยเท้าคาร์บอนต่ำกว่ามาก หากถูกกำจัดอย่างเหมาะสม ขณะที่ต้นปลอมมีต้นทุนคาร์บอนสูงและต้องใช้ซ้ำอย่างน้อยราว 12 ปี จึงจะคุ้มด้านสิ่งแวดล้อม
  • ต้นจริงย่อยสลายได้และนำไปใช้ต่อได้หลายรูปแบบ ส่วนต้นปลอมทำจากพลาสติกและโลหะ ย่อยสลายยาก รีไซเคิลไม่ได้ และเพิ่มปัญหาขยะระยะยาว
  • ความต้องการต้นคริสต์มาสจำนวนมาก ทั้งจริงและปลอม สะท้อนลัทธิบริโภคนิยมและกดดันทรัพยากรธรรมชาติ ทางเลือกที่ยั่งยืนที่สุดคือ ใช้ของเดิมให้นานที่สุด เลือกมือสอง หรือใช้ต้นไม้ที่มีอยู่แล้ว

ต้นคริสต์มาสจริงหรือต้นคริสต์มาสปลอม แบบไหนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เมื่อมองตั้งแต่การผลิตจนถึงวันสุดท้ายของวงจรชีวิต

คำถามเดิมที่มักวนกลับมาทุกเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลแห่งความสุขช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คือ ระหว่างต้นคริสต์มาสจริงกับต้นคริสต์มาสปลอม ตัวเลือกไหนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ากัน เนื่องจากต้นไม้จริงย่อยสลายได้และมาจากแหล่งธรรมชาติ ขณะที่ต้นปลอมผลิตจากพลาสติกและโลหะ แต่สามารถใช้งานซ้ำได้หลายปี บทความนี้ชวนพิจารณาผลกระทบตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการกำจัด เพื่อหาคำตอบที่ซับซ้อนกว่าการเลือกเพียงจากภาพลักษณ์ภายนอก

เมื่อเทศกาลวันหยุดใกล้เข้ามา ต้นคริสต์มาสถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเฉลิมฉลอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกต้นสนจริงหรือต้นสนเทียม ศูนย์กลางแห่งเทศกาลนี้ย่อมมาพร้อมกับต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมเสมอ

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

รอยเท้าคาร์บอน

ต้นคริสต์มาสจริงที่มีความสูง 2 เมตร มีรอยเท้าคาร์บอนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.5 กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์ หากถูกกำจัดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การบดต้นไม้หรือการเผา แต่หากปล่อยให้ย่อยสลายเองในหลุมฝังกลบ รอยเท้าคาร์บอนอาจเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 16 กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์ได้

แม้ว่าบางส่วนจะสนับสนุนต้นไม้พลาสติก โดยอ้างถึงการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ต้นคริสต์มาสเทียม ความสูงเท่ากันที่ 2 เมตร ได้รับการประเมินว่ามีต้นทุนคาร์บอนอยู่ที่ 40 กิโลกรัม เมื่อถูกทิ้งในที่สุด และหากมองในแง่มุมที่ถูกต้อง การนำต้นคริสต์มาสเทียมกลับมาใช้ใหม่ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปี จึงจะเทียบเท่ากับความเป็นมิตรขต่อสิ่งแวดล้อมของต้นคริสต์มาสจริง

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

ย่อยสลายได้ vs ย่อยสลายไม่ได้

ต้นคริสต์มาสจริงมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เนื่องจากสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพและไม่ก่อให้เกิดอันตรายทางเคมีต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อนำไปทำปุ๋ยหมักแล้ว ต้นไม้เหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบไม้แปรรูป วัสดุคลุมดินหรือปุ๋ยได้ ต้นคริสต์มาสจริงบางต้นยังถูกนำไปวางไว้ที่ก้นสระน้ำ แม่น้ำและมหาสมุทร เพื่อสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ใต้น้ำ

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

ก่อนที่จะถูกตัด ต้นคริสต์มาสจริงยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบนิเวศทางธณรมชาติ ด้วยการเป็นที่พักพิงให้กับนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลากหลายสายพันธุ์ ไปพร้อมกับการช่วยกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนออกมาอย่างแข็งขัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นกังวลจากนักวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า ต้นไม้เหล่านี้อาจไม่สามารถกักเก็บคาร์บอนได้อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากมักถูกตัดในช่วง “วัยรุ่น” ก่อนที่จะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่

ต้นคริสต์มาสและลัทธิบริโภคนิยม

ต้นคริสต์มาสได้ผสานรวมเข้ากับวัฒนธรรมการบริโภคของผู้คนอย่างแนบเนียน เห็นได้จากยอดขายของต้นคริสต์มาสประมาณ 25 – 30 ล้านต้นในสหรัฐอเมริกาและ 50 – 60 ล้านต้นในประเทศแถบยุโรปในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ต้นคริสต์มาสจำนวนมากไม่ได้ถูกนำไปใช้เป็นของตกแต่งบ้านแบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นของตกแต่งหลักในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น จากการประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับและเครื่องประดับที่ถ่ายรูปสวย ๆ ลงอินสตาแกรมได้ เพื่อหวังดึงดูดนักช้อปและผู้คนให้มาเยือนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ สัญลักษณ์ดั้งเดิมของต้นคริสต์มาสที่เป็นตัวแทนของการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัวจึงค่อย ๆ เสื่อมถอยลงไป

ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการต้นคริสต์มาสที่สูงยังรบกวนระบบนิเวศดั้งเดิม เกษตรกรต้องจัดสรรทรัพยากรจำนวนมากเพื่อบำรุงรักษาต้นไม้เหล่านี้ให้อยู่ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมก่อนการเก็บเกี่ยว โดยเฉาพะในภูมิภาคที่ต้นสนบางชนิดไม่ใช่พืชพื้นเมือง การใช้ทรัพยากรน้ำ สารกำจัดวัชพืช ยาฆ่าแมลงและสารกำจัดเชื้อราอย่างแพร่หลาย เพื่อเสริมการเจริญเติบโตของต้นไม้ ไม่เพียงแต่ทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังรบกวนความสมดุลตามธรรมชาติอีกด้วย การปลูกป่าโดยมนุษย์อาจนำไปสู่การรบกวนสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้

โดยสรุปแล้ว ความต้องการต้นคริสต์มาสที่สูงเกินไป ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศดั้งเดิม เน้นย้ำให้เห็นถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากความปราถนาของสังคมที่มีต่อสัญลักาณ์แห่งเทศกาลเหล่านี้

ต้นคริสต์มาสจริง vs ปลอม: ทางเลือกไหนรักษ์โลกกว่ากัน?

ต้นคริสต์มาสที่ยั่งยืน

แม้ว่าจะเป็นที่ชัดเจนว่าต้นคริสต์มาสจริงอาจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่การทำฟาร์มเพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกอาจทำให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติเสื่อมโทรมลง อย่างไรก็ตาม ต้นคริสต์มาสบางชนิดมีความยั่งยืนมากกว่าชนิดอื่น

นี่คือ 5 วิธีเพื่อให้แน่ใจว่าการจับจ่ายในช่วงเทศกาลจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้:

  • ซื้อต้นคริสต์มาสเทียมมือสอง
  • ตกแต่งต้นไม้จริงที่ปลูกไว้กลางแจ้ง
  • ซื้อต้นไม้จริงที่อยู่ในกระถาง
  • นำลำต้นกลับมาใช้เป็นฟืน
  • นำลำต้นกลับมาใช้เป็นของตกแต่งและเป็นที่พักสำหรับนกและสัตว์น่ารักชนิดต่าง ๆ

ความสำคัญแบบดั้งเดิมของต้นคริสต์มาสอยู่ที่การมอบความหวังให้กับผู้คนในช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานและโหดร้าย อย่างไรด็ตาม ด้วยการผลิตจำนวนมากและลัทธิบริโภคนิยมสมัยใหม่ แก่นแท้ของต้นคริสต์มาสจึงค่อย ๆ เลือนหายไป นอกจากนี้ ความต้องการต้นคริสต์มาสจำนวนมากยังเป็นภัยคุกคามต่อเนื่องสำหรับระบบนิเวศที่มีอยู่ การถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบของต้นคริสต์มาสจริงเทียบกับต้นคริสต์มาสเทียมนั้นมีความซับซ้อนหลายแง่มุม

ในขณะที่เทศกาลวันหยุดกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ การพิจารณาว่าจะสามารถปกป้องสิ่งแวดล้อมและปลูกฝังจิตสำนักความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในการตัดสินใจซื้อของตัวเองได้อย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ที่มา: Earth.Org

Credit ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

 

 

 

related