ฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum toxin) คือโปรตีนที่ได้จากสารสกัดที่สร้างโดย Clostridium botulinum ของแบคทีเรีย ซึ่งหากได้รับเข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้มีผลข้างเคียง เช่น อาหารเป็นพิษ กล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี
เมื่อในอดีตโบทูลินัม ท็อกซิน ถูกนำมารักษาโรค แต่ในปัจจุบันถูกนำมาพัฒนาเพื่อใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อช่วยในการลดเลือนริ้วรอยต่างๆให้ผิวดูกระชับมากขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์มีหลักการทำงานอย่างไร
แพทย์จะทำการฉีด โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เข้าไปตามส่วนต่างๆที่ต้องการรักษา ซึ่งโบทูลินัม ท็อกซินจะเข้าไปทำงานที่ปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทที่กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หรือทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงชั่วคราว หลังการทำจะผลผลลัพธ์ได้ทันทีในกรณีที่มีริ้วรอย รอยนั้นก็จะจางลงดูตื้นขึ้น
จุดไหนบ้างที่ที่สามารถลดริ้วรอยด้วยฉีดโบท็อกซ์
1. ริ้วรอยร่องแก้ม : รอยย่นที่แก้ม ที่มาจากความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ การเติมสารโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นกระชับมากขึ้น
2. ริ้วรอยใต้ตา : ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่มีริ้วรอยง่ายที่สุดสำหรับรอบดวงตา แต่การเติมสารโบทูลินัม ท็อกซินต้องระวังด้วยเพราะหากเติมมากไปทำให้ตาดูแข็งได้
3. ริ้วรอยบนหน้าผาก : ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เมื่อเวลาผ่านไปริ้วรอยบริเวณนี้จะลึกมากขึ้น
4. ริ้วรอยระหว่างคิ้ว : เป็นรอยย่นจุดแรกที่สังเกตได้ง่ายบนใบหน้า ทำให้หน้าดูไม่สดใส
ฉีดโบท็อกร้ิ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง
โบทูลินัม ท็อกซิน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่อยู่บริเวณบนใบหน้า เช่น หน้าย่นบนฝาก รอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตา ปาก และโบทูลินัม ท็อกซินยังสามารถฉีดเพื่อช่วยยกกระชับหางคิ้วได้ ทำให้ตาดูโตขึ้น นอกจากนั้นยังเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวผิวกระชับขึ้นได้ด้วย แต่หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญหรือใช้จำนวนโบท็อกที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ตาตก หรือไม่เห็นผลชัดเจนได้เหมือนกัน การเลือกฉีดกับแพทย์ในคลินิกที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจหลังการฉีดโบท็อก
เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำฉีดโบท็อก
ใครที่สนใจจะทำโบทูลินัม ท็อกซินไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย เพราะเป็นวิธีที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างปลอดภัย โดยปกติแล้วก่อนเข้าทำโบทูลินัม ท็อกซิน แพทย์จะแนะนำให้หยุดรับประทานวิตามินและยาแก้อักเสบก่อนอย่างน้อย 7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการช้ำและป้องกันการไหลเวียนของเหลือดที่มากกว่าปกติ
หลังฉีดโบท็อกซ์ จะได้ผลลัพธ์อย่างไร
หลังทำโบทูลินัม ท็อกซิน จะมีอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่จะหายเองในระยะเวลาที่ไม่นาน ในบางคนอาจเคี้ยวอาหารลำบาก เพราะการขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจะมีความหนืดมากขึ้น หลังการฉีดมาห้ามนวดบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 7 วัน
รีวิวผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ นั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันไปแต่ละบุคคลและผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉีดอย่างต่อเนื่องในระยะห่างที่เหมาะสมเพื่อคงสภาพผลลัพธ์
ฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการที่คนให้ความนิยมกันค่อนข้างมาก เนื่องจากการทำโบทูลินัม ท็อกซินช่วยให้หลายคนมีรูปลักษณ์ที่ดีขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น ประโยชน์ที่ได้จากโบทูลินัม ท็อกซินในการลดเลือนริ้วรอย ดังนี้
1.การแสดงอารมณ์บนใบหน้า : คือการแสดงอารมทางสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว การหยีตาและการแสดงสีหน้าแบบอื่นๆ บางครั้งเป็นการทำงานหนักของกล้าวเนื้อโดยที่เราไม่รู้ตัว จะทำให้นำไปสู่ความเสียหายของผิว จนทำให้เกิดริ้วรอย
2. ภาพลักษณ์ : โบทูลินัม ท็อกซินที่ทำการฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อให้ริ้วรอยดูจากลง ผิวกระชับขึ้น และทำให้ผิวเรียบเนียน เช่นช่วยลดริ้วรอยตีนกาได้เร็วกว่าการทาครีมบำรุง
3. สะดวก รวดเร็ว : เป็นการรักษาริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที ก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่อย่าพึ่งรีบนอนหลังจากฉีดมา 3 ชั่วโมง และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ได้รับความนิยมมากคือ เห็นผลลัพธ์หลังทำนานหลายเดือน
4. ป้องกันริ้วรอย : นอกจากโบทูลินัม ท็อกซินช่วยลดริ้วรอยตีนกา รอยเหี่ยวหย่นต่างๆบนใบหน้าที่มีอยู่แล้ว แต่ยังสามารถป้องกันริ้วรอยที่จะเกินในอนาคตได้เช่นกัน
อาการดื้อโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือดื้อยา อาการจะมีการต้านสารที่ฉีดเขาไปในร่างกาย มีการสร้างเม็ดสีมาทำลายทำให้ร่างกายไม่ตอบสนองกับสิ่งที่ได้รับ จึงทำให้เวลาฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินเข้าไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อนั้นไม่สามารถเข้าไปทำงานถึงปลายประสาทได้ จึงทำให้ไม่สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ ในปัจจุบันอาการดื้อโบท็อกยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ รับบริการฉีดโบท็อกในสถานพยาบาลมาตรฐาน ใช้ตัวยาแท้ เปิดขวดใหม่ทุกครั้งก่อนฉีดรวมถึงเว้นระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้งอย่างเหมาะสมภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ