เพลงใหม่ Limp Bizkit - ส่งสาส์นความรักถึง เชสเตอร์ อดีตนักร้องนำ Linkin Park
เพลงใหม่ Limp Bizkit - Making Love For To Morgan Wallen ส่งสาส์นความรักถึง เชสเตอร์ เบนนิงตัน อดีตนักร้องนำ Linkin Park
เฮ้...เชสเตอร์! เราโคตรคิดถึงนายว่ะ ขอส่งความรักจากลำโพงเบสตัวนี้ (รักนายว่ะ!)
นี่เป็นประโยคแรกของเพลงใหม่ของวง Limp Bizkit เพลง "Making Love For To Morgan Wallen" ซึ่งส่งข้อความถึงเพื่อนรักอย่าง เชสเตอร์ เบนนิงตัน อดีตนักร้องนำวง Linkin Park ด้วย ตั้งแต่เวิร์สแรกเลย
นี่อาจจะเป็น Camio ในเพลงเล็กๆ จาก เฟรด เดิร์สต์ Fred Durst และเพื่อนสมาชิกวง Limp Bizkit ที่อยากจะบอกให้โลกรู้ว่าพวกเขาคิดถึง เชสเตอร์ เบนนิงตัน ที่จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร พร้อมกับความโศกเศร้าของวงการเพลง เมื่อปี 2017
มิตรภาพนูเมทัลที่ไม่เคยเลือนลาง
"เฮ้...เชสเตอร์! เราโคตรคิดถึงนายว่ะ ขอส่งความรักจากลำโพงเบสตัวนี้ (รักนายนะ!)"
"D**m I Miss You Chester, Sending Love From a Bass Compressor (Love You)"
นี่คือเสียงของ เฟรด เดิร์สต์ ที่ส่งข้อความสั้นๆ ตั้งแต่ประโยคแรกของเพลงใหม่ "Making Love For To Morgan Wallen" แต่เปี่ยมด้วยความหมายถึงเพื่อนผู้ล่วงลับอย่าง เชสเตอร์ เบนนิงตัน ในบทเพลงใหม่ของ Limp Bizkit มันเป็นมากกว่าคำทักทาย แต่คือเสียงสะท้อนของมิตรภาพที่ยังคงก้องกังวาน แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะจากโลกนี้ไปแล้วเกือบหนึ่งทศวรรษ
การอุทิศสั้นๆ นี้เปรียบเสมือน "ตลับล็อกเก็ต" ทางเสียงเพลง ที่เฟรดและเพื่อนร่วมวง Limp Bizkit ตั้งใจส่งถึงเชสเตอร์ เพื่อย้ำเตือนให้โลกได้รับรู้ว่าการจากไปอย่างกะทันหันของเขาในปี 2017 ยังคงทิ้งรอยแผลและความคิดถึงไว้ในใจของพวกเขาและวงการเพลงเสมอมา
ความผูกพันระหว่างเฟรด เดิร์สต์ และเชสเตอร์ เบนนิงตันนั้นหยั่งรากลึกกว่าการเป็นเพียงเพื่อนร่วมวงการ พวกเขาทั้งสองคือแม่ทัพแห่งแนวดนตรีนูเมทัลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 Limp Bizkit และ Linkin Park ไม่เพียงแต่กำหนดนิยามของดนตรีในยุคนั้น แต่ยังเป็นกระบอกเสียงให้กับคนรุ่นมิลเลนเนียลทั่วโลก ในฐานะนักร้องนำ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นศูนย์กลางของพลังและความเกรี้ยวกราดบนเวที แต่ในขณะเดียวกันก็แบกรับความเปราะบางไว้ในบทเพลง
เมื่อข่าวการเสียชีวิตของเชสเตอร์สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกในปี 2017 เฟรด เดิร์สต์ เป็นหนึ่งในบุคคลแรกๆ ที่ออกมาแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง เขาได้เขียนจดหมายเปิดใจผ่านนิตยสาร Variety ซึ่งเผยให้เห็นอีกด้านของความสัมพันธ์ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
ในจดหมายฉบับนั้น เดิร์สต์ย้อนความทรงจำไปถึงวันที่ Linkin Park เล่นโชว์แรกในยุโรปในฐานะวงเปิดให้กับ Limp Bizkit
"ผมจำได้ว่าตอนที่พวกเขายืนอยู่ข้างเวที และในขณะที่เราเล่น ผมคิดในใจว่า ‘เสียงของเชสเตอร์นี่แหละ จะระเบิดหัวเด็ก ๆ พวกนี้แน่’ มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ" เดิร์สต์เขียน "หลังจบโชว์ เราสาดแชมเปญใส่พวกเขาเพื่อแสดงความยินดี"
บทบันทึกนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในความสามารถ แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของมิตรภาพที่เริ่มต้นจากการเคารพซึ่งกันและกัน เดิร์สต์มองเห็นศักยภาพอันมหาศาลในตัวเชสเตอร์ตั้งแต่แรกเริ่ม
สุภาพบุรุษผู้เก็บซ่อนความเจ็บปวด
เดิร์สต์ยังได้กล่าวถึงบุคลิกของเชสเตอร์ว่า เขาเป็นคนที่ทำให้ทุกคนที่ได้พูดคุยด้วยรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการรับฟัง พลังบวกและจิตวิญญาณของเขาสามารถส่งต่อไปยังผู้อื่นได้เสมอ
"คนประเภทนี้มักเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และไม่อยากให้สิ่งนั้นไปทำร้ายคนอื่น" เดิร์สต์กล่าว ซึ่งเป็นประโยคที่สะท้อนถึงการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าที่เชสเตอร์ต้องเผชิญมาโดยตลอดได้อย่างเจ็บปวด
ในการสนทนาครั้งสุดท้าย เดิร์สต์เล่าว่าเชสเตอร์ยังคงให้กำลังใจเขาและวง Limp Bizkit อย่างจริงใจ พร้อมทั้งขอบคุณที่ช่วยเปิดทางให้กับวงดนตรีอย่าง Linkin Park ซึ่งเดิร์สต์ได้ตอบกลับไปว่า "ถ้าไม่มีเขา ไม่มีเสียงและเนื้อเพลงของเขา แนวเพลงนี้คงไม่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้"
บทสนทนานั้นจบลงด้วยเสียงหัวเราะและอ้อมกอด โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย
"ผมอยากกอดเขาตอนนี้ แล้วบอกว่าพวกเราทุกคนล้วนมีความเจ็บปวด" เดิร์สต์เขียนทิ้งท้าย "ผมรู้ว่าความทรมานของเขาเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ผมจะอยู่ตรงนี้เสมอเพื่อฟังและช่วยเหลือ... การที่วันนี้ผมไม่ได้กอดเขาแล้ว มันทำให้ผมเสียใจมาก"
การจากไปของเชสเตอร์ เบนนิงตัน ทิ้งช่องว่างที่ไม่อาจเติมเต็มได้ในวงการดนตรี แต่สำหรับเฟรด เดิร์สต์ มันคือการสูญเสียเพื่อนผู้กล้าหาญ อ่อนน้อม และเป็นสุภาพบุรุษเสมอมา
และวันนี้ เสียงที่ส่งผ่านลำโพงเบสในบทเพลงใหม่ของ Limp Bizkit ก็คือเครื่องยืนยันว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด แต่มิตรภาพและความทรงจำที่มีต่อ เชสเตอร์ เบนนิงตัน จะยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวใจของเขาและแฟนเพลงทั่วโลกตลอดไป
สำหรับ เพลง "Making Love For To Morgan Wallen" ถือเป็นซิงเกิ้ลใหม่ของ Limp Bizkit ในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่อัลบั้ม Still Sucks ที่ออกมาเมื่อปี 2021
ที่มา : variety people genius billboard
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
