svasdssvasds

ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ เมืองแห่งหนัง หนังและเมืองต้องสนับสนุนกันและกัน ถึงจะรอด

ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ เมืองแห่งหนัง  หนังและเมืองต้องสนับสนุนกันและกัน ถึงจะรอด

เปิดวงเสวนา ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ “เมืองแห่งหนัง” หนังต้องช่วย "เสริมส่ง" เมือง ขณะเดียวกัน เมืองต้องช่วย "ส่งเสริม" หนัง มันถึงจะไปด้วยกันได้

“เทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2566” (Bangkok Film Festival) ขับเคลื่อน “กรุงเทพมหานคร” สู่มหานครสร้างสรรค์  กรุงเทพมีดี The Creative City ที่หอศิลป์กรุงเทพ เปิดแล้วอย่างเป็นทางการ วันนี้ (20 ม.ค 66) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  ล้อมวงเสนามเข้มๆ ตัวจริง คนในวงการ มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมหนังไทย 

สำหรับวันนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ นั่นคือ เปิดวงเสวนา  ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ “เมืองแห่งหนัง” โดยมี คุณ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,คุณ พรชัย ว่องศรีอุดมพร เลขาสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ , คุณ วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนบทภาพยนตร์ ฟ้าทะลายโจร , หมานคร , เปนชู้กับผี  และ คุณ นฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง เข้าร่วมเสวนาอย่างสนุกสนาน และได้ประเด็นแง่คิด

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดประเด็นไว้อย่างน่าสนใจ โดยแสดงความคิดว่า แม้วงการหนังไทยจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนกับวงการหนังต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยถึงจุดที่มัน "ต่ำ" สุดสักครั้ง แต่ปัญหาของวงการหนังไทย ก็คือไม่ได้รับการสนับสนันจากรัฐฯ เพราะที่ผ่านมา เหมือนว่าคนในวงการภาพยนตร์ไทยต้องฝ่าฟันอุปสรรคกันเอง อีกทั้งขั้นตอนต่างๆ ในการที่จะขอความอนุเคราะห์เอื้ออำนวยจากรัฐก็ยุ่งยากไปหมด เอกสารราชการกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก  ต้องติดต่อหลายหน่วยเหลือเกิน ดังนั้นทางแก้ คือเสนอแนะว่า ความจริงแล้วรัฐควรมี องค์กรที่ติดต่อได้แบบที่เดียวจบ ไม่ใช่ จะทำเอกสารเรื่องเดียว แต่ต้องไปติดต่อประสานหลายๆที่  และ เมืองกับหนังต้องเกื้อกูลกัน  เมืองต้องช่วยหนัง และ หนังต้องส่งเสริม เมือง มันถึงจะไปด้วยกันได้ 

เปิดวงเสวนา  ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ “เมืองแห่งหนัง”  หนังต้องช่วย "เสริมส่ง" เมือง  ขณะเดียวกัน เมืองต้องช่วย "ส่งเสริม" หนัง  มันถึงจะไปด้วยกันได้

ด้าน วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนบทภาพยนตร์ ให้ความเห็นสะท้อนจากคนทำงานศิลปะ โดยบอกว่า หากรัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องการ ให้ภาพยนตร์เป็น Soft Power ที่แท้จริง ก็ไม่ควรมายุ่งกับ เนื้อหา กับ Content จากผู้สร้างงานศิลปะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปล่อยให้คนทำงานอย่างอิสระ  ไม่ตัดแข้งตัดขาคนทำงาน   แต่ในเบื้องลึกก้นบึงจริงแล้ว รัฐเองที่ต้องช่วยคนทำงานหนัง เพราะถ้าไม่เรียกร้องจากรัฐฯ จะให้คนทำงานไปเรียกร้องจากใคร 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นปัญหา คือ ตามโครงสร้างของการศึกษาไทย ยังไม่มีมหาวิทยาลัย ที่ศึกษาเกี่ยวกับภาพยนตร์แบบเต็มรูปแบบเลย ที่นี่ยังขาดการคิดเป็นระบบ ดังนั้น แน่นอนว่า บุคคลกรที่มาตรงสาย ย่อมขาดแคลนมาเสมอสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย และเมื่อขาดทรัพยากรบุคคลมันก็ขาดกำลังในการขับเคลื่อนด้วย

วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนบทภาพยนตร์ ฟ้าทะลายโจร , หมานคร , เปนชู้กับผี  

ในเวลาเดียวกัน  วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง ยังเชื่อมั่นว่า หนังไทย หรือไม่ว่าจะหนังชาติใดก็ตาม ไม่จำเป็นต้อง "ยัด" ความเป็น Soft Power เข้าไปแบบขายตรงๆ แต่มันควรจะเป็นการ เล่าเรื่องจากความเป็นตัวเอง เป็นตัวตนของหนังเรื่องนั้นๆต่างหาก  และสิ่งที่เป็น Soft Power ก็จะตามมาเอง 

ขณะที่ พรชัย ว่องศรีอุดมพร เลขาสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ แสดงทัศนะไว้ว่า ตอนนี้ วงการหนังไทย ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งวิกฤตโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ไม่ฟื้น 100 เปอร์เซนต์ ยังแค่ ทรงๆอยู่ที่ 70 เปอร์เซนต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณพรชัย ยังได้ตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจ คือ เพราะอะไร หนังไทยจึงเสี่ยงขาดทุนสูงถึง 70% ขณะที่ตัวเลขเสี่ยงขาดทุนของหนังต่างประเทศ อยู่ที่ 30% ซึ่งมันกลับหัวกลับหางกัน

พรชัย ว่องศรีอุดมพร เลขาสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ

ส่วน นฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหศีนิมา จำกัด มองว่า ถ้าอยากให้กระแสหนังไทย กลับมาจุดติดอีกครั้ง จะต้องมีจังหวะและเวลา รวมถึงเนื้อหาที่ถูกต้องทุกปัจจัย โดยเธอยกตัวอย่างจากเคสในอดีต จากเรื่อง "โหมโรง" ที่มาถูกที่ถูกเวลา และศาลาเฉลิมกรุงก็เคยมีส่วนช่วยปลุกกระแสจากการจัดรอบพิเศษให้ทูตต่างประเทศดู ณ เวลานั้น และกลายเป็นไวรัลในอดีต อย่างไรก็ตาม นฤมล ล้อมทอง มองว่า ภาพยนตร์ยังเป็นสิ่งที่ฟื้นตัวช้าและยากอยู่ เพราะสำหรับสังคมไทย ความบันเทิงนั้นเป็นสิ่งแรกที่หลายๆครอบครัวจะตัดออกจากค่าใช้จ่าย 

นฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหศีนิมา จำกัด

โดยสรุปแล้ว จากเสวนา  ฮาว ทู ปั้น กรุงเทพ “เมืองแห่งหนัง” มองว่า หากต้องการหนังไทยไปไกลกว่าเดิม หนังไทยเองก็ต้องช่วย "ส่งเสริม" เมืองในแง่ของการ ซ่อนเร้น มุมดีๆ ไว้อย่างแนบเนียน ไม่ใช่ว่า ขายของกันแบบโต้งๆ เพราะผู้รับสารจากหนังหนังจะไปขบคิด และมองแง่ดีของเมืองต่อกันเอง  ในขณะเดียวกัน เมือง (หรือรัฐ) ก็ต้อง เอื้ออำนวยความสะดวกให้มากขึ้นกับผู้สร้างงาน และทุกอย่างมันจะเกื้อกูลไปได้ด้วยกัน 

related