
SHORT CUT
Docuseries ‘The End of an Era‘ นำเสนอเบื้องหลังที่ไม่เคยเห็นของ Taylor Swift และทีมงานที่ต้องเผชิญทั้งความกดดัน และการตัดสินใจ พร้อมถอดรหัส ‘Swiftonomics’ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่านโยบาย
เรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่ศิลปินป๊อปหนึ่งคน สามารถกระตุ้น GDP ของประเทศได้รุนแรงกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลบางแห่งเสียอีก The Eras Tour ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนป๊อปคั
หากคุณคิดว่า The Eras Tour เป็นเพียงแค่การเดินสายร้องเพลง คุณอาจกำลังมองข้ามปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 ข้อมูลจาก U.S. Travel Association ระบุว่าทัวร์นี้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจรวม สูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสหรัฐอเมริกาเพียงที่เดียว ซึ่งเทียบเท่ากับ GDP ของบางประเทศขนาดเล็กเลยด้วยซ้ำ
Docuseries 'The End of an Era' 6 ตอนนี้พยายามจะสื่อสารมากกว่าภาพบนเวที นั่นคือ 'ความเป็นมนุษย์' การตัดสินใจ ความกดดัน และการทำงานเป็นทีม เรามักเห็น Taylor Swift เป็นศูนย์กลางของความสมบูรณ์แบบบนเวที แต่ในสตรีมคอนเสิร์ตฟิล์มชุดนี้เราจะได้เห็นบทบาทของคนที่อยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่นักเต้น ทีมเทคนิค ไปจนถึงความสัมพันธ์กับศิลปินรับเชิญอย่าง Gracie Abrams, Sabrina Carpenter, Ed Sheeran และ Florence Welch ที่ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์เปลี่ยนโลก
ถือเป็นโมเดลธุรกิจแบบ Collective Leadership ที่น่าศึกษา เพราะในโลกยุคใหม่ ความสำเร็จที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดจาก 'One-Man Show' แต่เกิดจากการสร้างพื้นที่ให้คนรอบข้างได้เปล่งประกายไปพร้อมกัน การที่ผู้ชมจะได้เห็นความกดดัน การตัดสินใจที่ผิดพลาด และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือบทเรียนการบริหารจัดการ ชั้นดีที่หาไม่ได้จากตำราบริหารธุรกิจทั่วไป
เพราะมันคือแรงบันดาลใจให้ผู้
ที่สำคัญมันคือบทสรุปของกลยุทธ์การปรับตัว Taylor Swift เปลี่ยนวิกฤตจากการสูญเสียสิทธิ์ใน Master เพลงของตัวเอง ให้กลายเป็นการ Re-record และสร้างทัวร์ที่รวบรวมทุกช่วงชีวิต ของเธอเข้าด้วยกัน ด้วยจำนวนการแสดงมากกว่า 100 รอบ ในหลายทวีปทั่วโลก The Eras Tour สร้างรายได้รวมมากกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรั
คำว่า 'Swiftonomics' ไม่ใช่คำเรียกเก๋ๆ ของกลุ่มแฟนคลับ แต่มันยังส่งผลถึงเศรษฐกิจ การเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการในเมืองที่ The Eras Tour ไปเยือน ซึ่งถูกบันทึกในรายงาน June Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐแห่งฟิลาเดลเฟีย
ผู้คนยอมบินข้ามทวีป ยอมจ่ายราคาตั๋วที่ถูกนำมาขายต่อสูงถึงใบละเกือบล้านบาท เพราะเขาเชื่อว่าควรมีสักครั้งในชีวิตที่ต้องไปดูคอนเสิร์ต Taylor Swift แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเธอไม่ได้ขายแค่ตั๋วคอนเสิร์ต แต่กำลังสร้าง Micro-economy ขึ้นมาในทุกที่ที่ไป ตั้งแต่อุตสาหกรรมโรงแรมที่ถูกจองเต็มล่วงหน้าเป็นปี ไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ขายลูกปัดทำสร้อยข้อมือมิตรภาพ (Friendship Bracelets) ปรากฏการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่าระบบนิเวศของคอนเสิร์ตนี้สามารถกลายเป็นฟันเฟืองหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนนับแสนทั่วโลกได้จริง