svasdssvasds

ไขข้อสงสัย "แอตแลนติส" อาณาจักรโบราณใต้ทะเลลึก มีจริงหรือแค่อิงนิทาน?

ไขข้อสงสัย "แอตแลนติส" อาณาจักรโบราณใต้ทะเลลึก มีจริงหรือแค่อิงนิทาน?

สรุปแล้ว อาณาจักร "แอตแลนติส" มีจริงไหม? ต้นธารความคิดของเรื่องนี้เกิดจากใคร แล้วทำไมมนุษย์ยุคหลังยังหยิบยก "นครลับแล" แห่งนี้ มาพูดถึงกันอย่างออกรสออกชาติเป็นเพราะอะไร ติดตามได้ที่บทความนี้

เพลโตคือ ผู้ครองอาณาจักรแอตแลนติสตัวจริง นิทานของเขาช่างเรียบง่าย และน่าทึ่ง

“ตัวต้นเรื่อง” ที่ทำให้ชื่อของอาณาจักร "แอตแลนติส” ถูกนำมาผลิตซ้ำทุกยุคสมัย เกิดขึ้นจากฝีมือของปราชญ์ชาวกรีกโบราณนามว่า เพลโต (Plato) ซึ่งบอกเล่าว่า นครแอตแลนติสถูกทำลายจนสูญสิ้นไปแล้ว

นิทานจากโพลโต: เมื่อ 360 ปีก่อนคริสตกาล ผู้ก่อตั้งนครแอตแลนติสขึ้นนั้น เป็นครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ เขาผู้นี้สร้างอาณาจักรได้ยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจ หาใครทัดเทียม

ผังเมืองของชายผู้นี้ เป็นเกาะที่มีศูนย์กลางแยกจากกันด้วยคูน้ำกว้าง และเชื่อมต่อกันด้วยลำคลองที่เจาะทะลุตรงกลาง เกาะแห่งนี้รุ่มรวย เงิน โลหะ ทองคำ มีสัตว์ป่าหายากมากมาย และมีเมืองหลวงตั้งอยู่จุดศูนย์กลาง

ภาพจำลองเมืองแอตแลนติส Cr. History Defines

ข้างต้นคือ คำบรรยายจากเพลโต ซึ่งถูกนำมาตีความเป็นภาพได้น่าสนใจ วาทศิลป์ด้านการเล่าเรื่องที่ระดับชั้นครู แถมบารมีชื่อเสียงในฐานะปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก จะแปลกอะไรกันเล่า หาก “นครลับแล” ที่เพลโตกล่าวถึงจะถูกมนุษย์ยุคหลัง ๆ นำมาศึกษาและ “จินตนาการ” ต่อ

เพลโต นักปราชญ์จากยุคกรีกโบราณ ต้นธารความเชื่อเรื่อง "แอตแลนติส" Cr. Edgar Serrano - CC BY-NC-SA

ข้างบนเป็นเพียงน้ำจิ้ม Spring News ขอเชิญลิ้มรสอาหารจานหลักด้วย 5 ทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องการมีอยู่ของอาณาจักร "แอตแลนติส” เผื่อว่าไปดูภาพยนตร์เรื่อง “Aquaman 2” แล้ว จะเสริมสร้างจินตนาการให้กว้างไกล ไร้เขตไร้แดนมาจำกัด ติดตามได้ที่บทความนี้   

Aquaman and the Lost Kingdom Cr. Warner Bros.

ทฤษฎีที่ 1: “แอตแลนติส” ถูกสามเหลี่ยมเมอร์บิวดากลืน

หากจะว่ากันถึงสถานที่ ซึ่งลึกลับที่สุดในโลก และหลายคำถามยังไร้ซึ่งคำตอบ ที่แห่งนั้นคือ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” หรือ “Bermuda Triangle” พิกัดอยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก

แน่นอนว่า สถานที่ดังกล่าว ถูกนำมาเชื่อมโยงกับการสูญหายของอารยธรรมใต้น้ำแห่งนี้ ด้วยตำนานที่เล่าขานต่อกันมาว่า เรือมากกว่า 50 ลำ และเครื่องบินอีกนับไม่ถ้วน เมื่อผ่านเข้าไปบริเวณดังกล่าว ก็มิหวนคืนกลับมาอีกตลอดกาล

พิกัดของสามเหลี่ยมเบอมิวดา หรือ สามเหลี่ยมปีศาจ Cr. Flickr / NOAA

ในหนังสือ Atlantis: The Lost Continent Revealed โดย ชาร์ล เบอร์ลิทซ์ (Charles Berlitz) ตีพิมพ์เมื่อปี 1984 แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เทียม แต่ก็เป็นแหล่งที่หลายคนนำมาอ้างอิงเวลากล่าวถึงเรื่องการสูญหายของอาณาจักรใต้น้ำโบราณ

Charles นำเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเอาไว้ได้แฟนตาซีพอควร โดยเขากล่าวว่า อาณาจักรโบราณใต้ผืนทะเลลึก ที่หายสาบสูญไปนาน ไม่ได้ถูกกลืนจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรอก แต่นั่นคือประตูเข้าสู่เมืองแอตแลนติสต่างหาก

Charles Berlitz Cr. WNYC

นอกจากนี้ เขาได้ชี้ไปที่ ถนนใต้น้ำของเกาะ Bimini ในบาฮามาส ความยาวประมาณ 0.8 ไมล์ ทำจากอิฐบล็อกหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่ห่างจากทะเล 18 ฟุต ถูกพบครั้งแรกโดยนักดำน้ำในปี 1868

ด้วยองค์ประกอบโดยรอบ ทำให้คนระแวกนั้นเชื่อว่า นี่คือถนนสู่อาณาจักรแอตแลนติส แม้แต่บาทหลวงชาวอเมริกันยังได้ทำนายทายทักไว้เมื่อปี 1938 ว่า “จะค้นพบวิหารโบราณใกล้กับเกาะ Bimini ไม่ปี 68 ก็ 69”

Bimini เกาะทางตะวันตกของบาฮามาส Cr. Bahamas Tourism

ชวนให้สงสัยต่อยิ่งนัก ว่าเป็น 1968 – 1969 หรือ 2068 – 2069 เพราะถ้าเป็นอย่างแรก เขาก็มั่วนิ่มเลยล่ะ ด้านนักวิทยาศาสตร์ ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ถนนที่เห็นเป็นในลักษณะนี้ สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ จากการกัดเซาะของหินปูนตามแนวชายฝั่ง

ทฤษฎีที่ 2: “แอตแลนติส” มีจริง แต่ถูกทำลายไปแล้วจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ

 ปรับอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว จากแฟนตาซีอยู่ดี ๆ เปลี่ยนมาเป็นเรื่องภัยพิบัติแล้ว เอาเป็นว่าค่อย ๆ ละเมียดทฤษฎีไปทีละเปราะ แล้วจะพบว่า แอตแลนติสนี่มัน “นครลับแล” จริง ๆ

มีทฤษฎีทางธรรมชาติที่บอกว่า ครั้งหนึ่งแอตแลนติสเคยเป็นเกาะมาก่อน ทว่า ถูกภัยพิบัติเล่นงานจนสูญสิ้นอารยธรรมแบบไร้ร่องรอย ภัยพิบัติ อาทิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือน้ำท่วมครั้งใหญ่

เกาะซานโตรินี หรือ เทรา Cr. Mark Cartwright - CC BY-NC-SA

หนึ่งในภัยพิบัติที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ ภูเขาไฟระเบิดบนเกาะซานโตริณีในประเทศกรีก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เทรา” (Thera) เมื่อประมาณ 3,600 ปีก่อน (ก่อนยุคพระเยซูเสียอีก)

ภูเขาไฟในครั้งนั้น ทำให้ลาวาพวยพุ่งออกมาประมาณ 40 – 60 ลูกบาศก์เมตร ทำให้ผืนพสุธาต้องจมอยู่ใต้น้ำ หิน เถ้าถ่าน และแก๊สประมาณ 10 ล้านตัน ปะทุออกสู่ชั้นบรรยากาศ ส่วนที่หลงเหลือในปัจจุบันนั้น เป็นเพียงยอดพีระมิดไซส์จิ๋ว ทว่า หากดำลึกลงไปถึงก้นสมุทรเราอาจได้พบกับ อาณาจักรโบราณก็เป็นได้

ภูเขาไฟระเบิดที่เกาะซานโตรินี เมื่อ 3,600 ปีก่อน Cr. Smithsonion Institution

ทฤษฎีที่ 3: “แอตแลนติส” คือ “แอนตาร์กติก”

อีกหนึ่งทฤษฎีที่เสนอว่า อาณาจักรแอตแลนติส ซุกซ่อนอยู่ในช่องฟรีซของโลก ซึ่งเป็นที่มนุษย์ถูกสงวนเอาไว้ ต้นธารทฤษฎีเกิดขึ้นมาจากหนังสือเรื่อง Earth’s Shifting Crust ของ Charles Hapgood “ศาสตราจารย์ชาวมะกัน”

Charles ได้เสนอว่า แท้จริงแล้วโลกเคลื่อนตัวไปแล้วเมื่อ 12,000 ปีก่อน ส่งผลให้แอนตาร์กติก หรือขั้วโลกใต้ เคลื่อนตัวไปทางทิศใต้มากกว่าเดิมในมหาสมุทรแอตแลนติก

Charles Hapgood

สิ่งที่ Charles กำลังจะสื่อก็คือ ขั้วโลกใต้มีอากาศอบอุ่นกว่าที่คิด (หากอ้างอิงตามทฤษฎีของเขา) หมายความว่า ประชากรแถบนั้นอาจจะปรับตัวจนอารยธรรมรุดหน้าขึ้น

ทว่า เมื่ออุณหภูมิผันแปรไป มนุษย์ระแวกนั้นก็ไม่สามารถรับมือกับอากาศเย็นยะเยือกได้ ทำให้บ้านเมืองที่ว่ากันว่าเจริญนักเจริญหนา จำต้องถูกแช่แข็งเอาไว้อยู่ใต้ผืนทะเลลึกนับแต่นั้นมา

หนังสือ Earth’s Shifting Crus Cr. Amazon

คีย์เวิร์ด “ถูกฝัง” ไปกระตุกต่อมเอ๊ะของบรรดานักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะเกิดความสงสัยใคร่รู้ ว่าใต้ผืนน้ำแข็งที่หนาหลายตันนั้น จะมีซากเมืองซุกซ่อนดังที่ Charles ว่าหรือไม่

ภายหลัง กลิ่นการค้นพบก็มาเติมเชื้อไฟให้ทฤษฎีนี้เข้าไปใหญ่ เพราะมีการรายงานว่า พบโครงสร้างของอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่เท่ากับ “หอไอเฟล” แช่อยู่ใต้ผืนน้ำแข็ง

ทำให้ตอนนั้นสังคมเนื้อเต้นกับทฤษฎีนี้เป็นอย่างมาก ทว่า ตื่นเต้นได้อยู่ไม่กี่วัน เมื่อมหาวิทยาลัยบรัสเซลล์ในเบลเยียมและสถาบันวิทยาศาสตร์บาวาเรียในเยอรมัน กล่าวว่า โครงสร้างดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นโครงสร้างของสันตะกอนใต้แผ่นน้ำแข็งมากกว่า

ลืมบอกไปหนึ่งเรื่อง ภายหลัง คุณ Charles Hapgood มีชื่อเสียงโด่งดังในแง่ที่ว่า เป็นพวกที่อ้างวิทยาศาสตร์แบบมั่ว ๆ

ทฤษฎีที่ 4: แอตแลนติสล่มสลายเพราะอุกกาบาต

หลายแหล่งข้อมูลเขียนตรงกันว่า นี่เป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อน้อยที่สุดแล้ว หากเทียบเคียงกับเหตุและผลของทฤษฎีอื่น ๆ แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?

สารคดีจาก Netflix เรื่อง “Ancient Apocalypse” ซึ่งออกฉายในปี 2022 นำเสนอเรื่องราวทฤษฎีการมีอยู่ของอารายธรรมโบราณ ตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้คือ Graham Hancock นักเขียนชาวอังกฤษ

สารคดี Ancient Apocalypse นำโดย Graham Hancock Cr. IMDB

เขาอ้างว่า อาณาจักรแอตแลนติสถูกคลื่นสึนามิขนาดใหญ่พัดถล่มเมือง อันเนื่องมาจากมีอุกกาบาตตกใส่โลกลูกใหญ่ เขาระบุรายละเอียดลงลึกไปว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้น มีผู้ที่รอดชีวิต และหนีไปตั้งรกรากใหม่ พร้อมทั้ง พร่ำสอนคณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม และการเกษตร ให้กับคนในดินแดนอื่น

กล่าวคือ Graham กำลังจะบอกว่า ชาวแอตแลนติสเป็นผู้ที่มีปัญญา และล่วงรู้วิทยาการที่ก้าวล้ำไปกว่า มนุษย์ในดินแดนอื่น ๆ หลังจากที่สารคดีเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปสู่สายตาชาวโลก

ภาพจำลองเมือง Atlantis Cr. The Archeologist

รถทัวร์ก็มาจอดหน้าบ้านของ Graham อย่างรวดเร็ว เขาโดนวิพากษ์จากบรรดานักโบราณคดีอย่างหนัก ว่าเอาข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานไปนำเสนอเป็นเรื่องบันเทิง ซึ่งเสี่ยงให้คนจำเรื่องราวไปแบบผิด ๆ

กระเทือนถึงผู้ผลิตสารคดีกันเลยทีเดียว ว่าทำไมไม่ตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน และไปนำใครไม่ทราบ มาเป็นผู้นำเสนอเรื่องราวที่ไร้หลักฐานอ้างอิง

ทฤษฎีที่ 5: ไม่เคยมี “นครแอตแลนติส”

เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งปิดออกไปไหน ถ้าเป็นหนังก็คงจบได้แบบ “อิหยังวะ” แต่ลองพินิจเหตุผลและหลักฐานประกอบก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ

ทฤษฎีนี้ เป็นการรวมพลังกันของบรรดานักประวัติศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ในหลาย ๆ แขนงที่ออกมาบอกว่า อาณาจักรโบราณแห่งนี้น่าจะไม่มีอยู่จริง โดยกล่าวว่า ผลงานของเพลโตเป็นเรื่องสมมติ ที่สร้างขึ้นเพื่อโต้แย้งทางศีลธรรมของตัวเขาเองเท่านั้น

เพราะนอกจากงานของเพลโตแล้ว ก็ไม่พบหลักฐานใด ที่บันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับแอตแลนติส สักชิ้นในโลกก็ไม่มี

ณ ปัจจุบัน เทคโนโลยีของมนุษยชาติรุดก้าวหน้าไปมาก การทำแผนที่มหาสมุทร การใช้เครื่องตรวจจับความร้อน การสแกนหาโครงสร้างปรักหักพังสามารถทำได้ง่าย ๆ ทว่า ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะค้นพบอาณาจักร "แอตแลนติส” ที่หลายคนตามหา

 

 

 

ที่มา: Daily Mail , National Grographic

เนื้อหาที่น่าสนใจ

related