svasdssvasds

เหตุผลที่เนตรนารีในสหรัฐฯ ต้องขายคุกกี้ รายได้กลับสู่ชุมชน

เหตุผลที่เนตรนารีในสหรัฐฯ ต้องขายคุกกี้ รายได้กลับสู่ชุมชน

เบื้องหลังคุกกี้เนตรนารี กิจกรรมระดมทุนที่หล่อหลอมผู้นำหญิง และส่งคืนรายได้สู่ชุมชนทั่วอเมริกา กิจกรรมที่ไม่ได้สูญเปล่า

SHORT CUT

  • เนตรนารีขายคุกกี้เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจกรรมของตัวเอง
  • เงินจากการขายคุกกี้ใช้จัดค่ายและโครงการเพื่อสังคม
  • เด็กๆ ได้เรียนรู้เป้าหมาย การเงิน และการเข้าสังคมจากการขายคุกกี้

เบื้องหลังคุกกี้เนตรนารี กิจกรรมระดมทุนที่หล่อหลอมผู้นำหญิง และส่งคืนรายได้สู่ชุมชนทั่วอเมริกา กิจกรรมที่ไม่ได้สูญเปล่า

ภาพของเด็กผู้หญิงในชุดเครื่องแบบเนตรนารียืนอยู่หน้าประตูบ้าน ยื่นกล่องคุกกี้ให้พร้อมรอยยิ้ม และเอ่ยถามว่า “จะรับคุกกี้สักกล่องไหมคะ?” เป็นฉากที่เราเห็นบ่อยในภาพยนตร์หรือชีวิตจริงของสหรัฐฯ

ภาพจำนี้อาจทำให้ใครหลายคนสงสัยว่า ทำไมเด็กๆ เหล่านี้ต้องออกมาขายคุกกี้? พวกเธอทำไปเพื่ออะไร ซึ่งคำตอบก็คือ กิจกรรมขายคุกกี้ของเนตรนารีสหรัฐฯ เริ่มต้นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ. 1917 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่องค์การ Girl Scouts ตั้งขึ้น กองเนตรนารีกลุ่มหนึ่งในเมืองมุสโคจี รัฐโอคลาโฮมา ได้อบคุกกี้ขึ้นเองและนำไปขายในโรงเรียน เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจกรรมของกองตัวเอง​

กิจกรรมเล็กๆ นี้กลายเป็นจุดกำเนิดของธรรมเนียมการขายคุกกี้ที่ต่อมายังคงจัดขึ้นทุกปี และกลายเป็นกิจกรรมประจำที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกันไปแล้ว​ เนตรนารีและผู้สนับสนุนของพวกเธอมีส่วนร่วมให้การขายคุกกี้ประจำปีนี้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องมายาวนานกว่า 100 ปี โดยเด็กๆ ก็สนุกสนาน 

ระดมทุนขับเคลื่อนกิจกรรม

เหตุผลหลักที่เนตรนารีขายคุกกี้ก็คือการระดมทุน  รายได้จากการขายคุกกี้ถูกนำไปสนับสนุนทั้งระดับหน่วยของเด็กหญิงเองและองค์การ Girl Scouts ในพื้นที่ของพวกเธอ เงินจำนวนนี้ช่วยให้มีกองทุนสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ทัศนศึกษา เข้าค่าย หรือทำโครงการเพื่อสังคม และยังช่วยพยุงการดำเนินงานของสภาเนตรนารีประจำภูมิภาคนั้นๆ ด้วย

เหตุผลที่เนตรนารีในสหรัฐฯ ต้องขายคุกกี้ รายได้กลับสู่ชุมชน

กล่าวได้ว่า ทุกๆ กล่องคุกกี้ที่ขายได้ คือทรัพยากรในการขับเคลื่อนกิจกรรมของเนตรนารี ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน การขายคุกกี้ถือเป็นวิธีหลักในการทำให้กองเนตรนารีพึ่งพาตนเองด้านการเงินได้โดยไม่ต้องรอเงินสนับสนุนจากภายนอก และด้วยพลังของเด็กหญิงทั่วประเทศนี้เอง ทำให้ในแต่ละฤดูกาลของการขายคุกกี้ (ช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเมษายนของทุกปี) มีเนตรนารีกว่า หนึ่งล้านคน ร่วมกันขายคุกกี้มากกว่า 200 ล้านกล่อง สร้างรายได้รวมกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทุกปี​

รายได้คืนสู่ชุมชน ไม่ไหลไปที่อื่น

การขายคุกกี้ไม่ได้มีความสำคัญแค่เรื่องเงินเท่านั้น หากยังถูกออกแบบให้เป็นเวทีฝึกฝนทักษะชีวิตต่างๆ ให้เด็กผู้หญิงไปพร้อมกัน องค์การ Girl Scouts ถึงกับระบุว่าโครงการขายคุกกี้นี้เป็น “ธุรกิจที่ขับเคลื่อนโดยเด็กผู้หญิงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ” และผ่านกิจกรรมนี้เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะสำคัญ 5 ประการสำหรับชีวิต ได้แก่ การตั้งเป้าหมาย, การตัดสินใจ, การจัดการเงิน, ทักษะการเข้าสังคม และจริยธรรมทางธุรกิจ

ในขณะเดียวกัน ชุมชนและสังคมโดยรวมก็ได้รับประโยชน์ จากการอุดหนุนคุกกี้เนตรนารีด้วยเช่นกัน เงินทุกดอลลาร์ที่ชุมชนจ่ายซื้อคุกกี้จะถูกนำกลับมาลงทุนในท้องถิ่น 100%

รายได้จากคุกกี้ไม่ได้ไหลไปที่อื่นเลย แต่กลับมาพัฒนาคนและชุมชนในพื้นที่นั้นโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดค่ายฝึกทักษะให้เด็กๆ หรือโครงการช่วยเหลือสังคม (เช่น ทำความสะอาดสวนสาธารณะ บริจาคอาหารให้ธนาคารอาหาร ฯลฯ) ที่เนตรนารีคิดทำเพื่อบ้านเกิดของตนเองเมื่อมีทุนทรัพย์จากการขายคุกกี้ ในแง่นี้ ชาวชุมชนที่อุดหนุนซื้อคุกกี้ก็เท่ากับมีส่วนร่วมสร้างสิ่งดีๆ ให้ท้องถิ่นของตัวเองไปพร้อมกัน เพราะได้สนับสนุนทั้งการเรียนรู้ของเยาวชนและการลงมือทำประโยชน์เพื่อสังคมของพวกเธอ

photo Girl Scouts

ที่มา Girl Scouts

ข่าวที่เกี่่ยวข้อง

related