svasdssvasds

ชวนรู้จัก “Childfree by choice” ทางเลือกเสรีของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการมีลูก

ชวนรู้จัก “Childfree by choice” ทางเลือกเสรีของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการมีลูก

ถ้าโลกมันวุ่นวาย แล้วจะมีลูกไปทำไม? SPRiNG ชวนไปรู้จัก “Childfree by choice” ทางเลือกเสรีของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการมีลูก เหตุผลคืออะไร พร้อมอ่านเรื่องเล่าจากคนไม่มีลูก

SHORT CUT

  • “Childfree by choice” คือแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจไม่มีลูกด้วยความสมัครใจ เพื่อต้องการอิสระในการใช้ชีวิตและหลีกเลี่ยงภาระผูกพัน
  • ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจมาจากสภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงสวนทางกับรายได้ ความไม่มั่นคงทางการเมือง และสวัสดิการจากรัฐที่ไม่เพียงพอ
  • ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร 1 คนจนจบปริญญาตรีสูงถึงประมาณ 1.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญ

ถ้าโลกมันวุ่นวาย แล้วจะมีลูกไปทำไม? SPRiNG ชวนไปรู้จัก “Childfree by choice” ทางเลือกเสรีของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการมีลูก เหตุผลคืออะไร พร้อมอ่านเรื่องเล่าจากคนไม่มีลูก

ปัจจุบัน คนไทยจำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ Gen Y / Gen Z ตัดสินใจไม่มีลูก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความไม่มั่นคงทางการเมือง และมีคนจำนวนไม่น้อย ที่อยากใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่น ไม่อยากมีภาระผูกพันธ์ และทราบดีว่าการมีลูกนั้นเรียกร้อง ‘เงิน’ จำนวนมาก

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Childfree by choice นี่เป็นทางเลือกเสรีสำหรับคนที่ไม่อยากมีลูก แม้เป็นปรากฏการณ์ที่เราได้ยินกันจนเกร่อ แต่เทรนด์ไม่มีลูก หรือ Childfree by choice เริ่มปรากฏเป็นวงกว้างมาตั้งแต่ยุค 1900s เป็นต้นมา

ดร.ลาริซา คอร์ดา สูตินรีแพทย์ในลอนดอน ชวนให้เรารู้จัก 2 คำ 1. Childless หรือ ไม่มีบุตร ซึ่งมีนัยเชิงดูถูกและทำร้ายจิตใจ ปัจจุบัน จึงเปลี่ยนมาใช้คำที่ 2. child-free หรือ การเลือกมีบุตรอย่างเสรี ซึ่งมีหลายสาเหตุปัจจัยด้วยกัน

ทำไม คนรุ่นใหม่ ตัดสินใจไม่มีลูก ?

ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุไว้ว่า "คนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระมากขึ้น มีความหลากหลายทางเพศ และที่สำคัญ คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้เพิ่มขึ้นไม่ทัน โดยค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนจบปริญญาตรีในสถาบันการศึกษาของรัฐบาลที่สูงถึงประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อคน หรือคิดเป็น 6.3 เท่าของรายได้ต่อหัวต่อปีของประชากร (GDP per capita) ในปี 2565”

ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังกล่าวถึงสวัสดิการพื้นฐานมีไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดที่ยังจำกัดเฉพาะครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกเพื่อลดหย่อนภาษีที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ หรือความยืดหยุ่นของการใช้สิทธิ์วันลาเพื่อเลี้ยงดูลูกหลังคลอด

เรื่องเล่าจากคนไม่อยากมีลูก
ในบทความ ‘The best of both worlds’: people reveal why they are childfree by choice โดยสำนักข่าว The Guardian ได้รวมความคิดเห็นของคนที่ไม่อยากมีลูก ซึ่งแต่ละคนต่างมีเหตุผลของตนเอง และคิดว่าคงเป็นเรื่องดี ถ้าเราได้ฟังมุมมองจากคนที่ไม่อยากมีลูก

Jade Ridout (คนกลาง)

Jade Ridout ข้าราชการหญิงชาวอังกฤษ วัย 31 ปี เล่าว่า เธอไม่มีความคิดที่จะมีลูก จนนำไปสู่การหย่าร้าง จบสิ้นชีวิตคู่ แต่ชีวิตเธอก็ไม่โดดเดี่ยวเสียทีเดียว เพราะเธอไปมาหาสู่กับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ชวนเพื่อนเลี้ยงลูก ชวนกันไปเดินป่าเป็นประจำ และการไม่มีลูกทำให้เธอ “ได้ทำตัวเป็นเด็ก เพื่อเล่นกับหลาน อะไรจะเจ๋งไปกว่าการเป็นป้าแล้วได้กระโดดลงน้ำไปพร้อมกับหลานล่ะ”

 

Yasmin Latif

Yasmin Latif ครูในลอนดอน วัย 56 ปี เล่าว่า เธอเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัว พี่ชายคนโตอายุมากกว่าเธอ 18 ปี เธอจึงได้เลี้ยงดูเด็กมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และรอบตัวก็มีหลาน ๆ เต็มไปหมด นั่นทำให้เธอไม่อยากมีลูก เธอเล่าว่าบทสนทนาบนมื้ออาหารกับเพื่อนมีแต่เรื่องลูก เพื่อนสนิทของเธอกัดกลุ้มใจ เธอจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องหนังบ้าง แต่เพื่อนกลับบอกว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาได้ดู มัวแต่ดูแลลูก เธอจึงเข้าใจว่าลูกกลายเป็นทั้งชีวิตของพ่อแม่

 

Jay Fletcher

Jay Fletcher ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม วัย 32 ปี เล่าว่า การมีลูกคือภาระทางการเงิน และนำมาซึ่งความเครียด เธอไม่อยากเครียดเรื่องนี้ไปอีก 18 ปี เธอจึงไม่อยากมีลูก แต่รู้สึกดีเวลาได้เล่นกับลูกของเพื่อน ๆ เมื่อเพื่อนให้ความสำคัญกับลูกมากกว่า เธอไม่เสีียใจ กลับดีใจ ที่ได้เห็นคนทั้งสองเติบโตและพัฒนาไป โดยที่เธอยังมีส่วนร่วมในนั้นด้วย

related