October Theory ทำไมเดือนตุลาคม ถึงเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นใหม่
October Theory ไม่ต้องรอให้ถึงเดือนมกราคม เดือนตุลาคมก็เป็นเหมือนปุ่มรีเซ็ต ที่ทั้งธรรมชาติและเวลาในปฏิทินช่วยผลักดันให้เราหันกลับมาทบทวนตัวเอง
หลายคนมักเฝ้ารอให้ถึงเดือนมกราคมเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ แต่จริง ๆ แล้ว “การเริ่มต้นใหม่” ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงต้นปีเสมอไป เดือนตุลาคมก็คือหนึ่งในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะกดปุ่มรีสตาร์ทชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายใหม่ ปรับเส้นทาง หรือกลับมามีแรงใจอีกครั้ง แนวคิดที่เรียกว่า “October Theory” จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลกออนไลน์ เพราะมันบอกเราว่า การเปลี่ยนแปลงเริ่มได้ทันที และตุลาคมคือเดือนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการเริ่มต้น
เหุตผลที่เดือน "ตุลาคม" เป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นใหม่
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เดือนตุลาคมได้รับการยกย่องคือ มันอยู่ในจุดที่ยังมีเวลาพอให้เราปรับตัว ทำใหม่ หรือเริ่มต้นอีกครั้งโดยไม่ต้องรอให้ถึงปีใหม่ เมื่อเราเห็นว่าสิ้นปีใกล้เข้ามาแล้ว มันสร้างแรงกดดัน “เชิงบวก” ให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งไหนยังไม่สำเร็จ สิ่งไหนที่เรายังอยากทำ และอะไรที่ควรปรับปรุง สิ่งนี้ช่วยให้เราตื่นตัวและลงมือทำมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น บางคนรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวลเมื่อถึงเดือนตุลาคม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าความรู้สึกกังวลเล็ก ๆ ที่มาพร้อมการตระหนักว่าปีจะจบลงสามารถกลายเป็น “อีสตรีส” หรือความเครียดเชิงบวก ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ปรับปรุงตนเองผู้คนจึงหันกลับมาทบทวนสิ่งที่ทำสำเร็จและสิ่งที่ยังต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นปี
วิธีเริ่มต้นใหม่ในเดือนตุลาคม
ถึงแม้จะไม่มีเวลาที่ “มหัศจรรย์” สำหรับการเปลี่ยนแปลง แต่การเริ่มต้นในเดือนตุลาคมก่อนเข้าสู่เทศกาลสิ้นปีสามารถช่วยให้เราพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกกดดัน แนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทั้งนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรม ที่แนะนำขั้นตอนดังต่อไปนี้
ใช้สัญญาณจากฤดูกาลให้เป็นประโยชน์
เดือนตุลาคมมีบรรยากาศที่ช่วยสนับสนุนนิสัยใหม่ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ วันที่สั้นลงทำให้นอนเร็วขึ้นง่ายขึ้น ช่วงค่ำที่อบอุ่นสบายก็เหมาะกับการอ่านหนังสือ และอากาศเย็นๆ ก็ชวนให้ออกไปเดินเล่นตอนเย็นได้เพลินกว่าเดิม
ถ้าความมืดตอนเย็นทำให้รู้สึกหดหู่ ลองขยับกิจกรรมหลักๆ มาไว้ช่วงเช้า รับแสงแดดยามเช้า หรือใช้โคมไฟที่ให้แสงเหมือนกลางวันก็ช่วยได้ และอย่าลืมนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนดีจะช่วยให้เป้าหมายด้านอื่นๆ ทำได้ง่ายขึ้นด้วย
ทำให้นิสัยเล็กลง ชัดเจนขึ้น และมีรางวัลให้ตัวเอง
การพึ่งพาแค่ “แรงใจ” อย่างเดียว บางครั้งอาจทำให้ล้มเหลวได้ วิธีที่ดีกว่าคือทำให้นิสัยเล็กและง่ายที่สุด เช่น วิดพื้นแค่ 2 ครั้ง เขียนบันทึกแค่ 1 หน้า หรือทำสมาธิ 5 นาที
ต่อมาให้จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อนิสัยนั้น เช่น วางรองเท้ากีฬาไว้ตรงประตูบ้าน วางวิตามินไว้ข้างสมุดบันทึก หรือวางขวดน้ำใหญ่ไว้บนโต๊ะทำงาน
สุดท้าย จับคู่นิสัยกับสิ่งที่คุณชอบ เช่น เปิดเพลงโปรดตอนออกกำลังกาย หรือเปิดดนตรีเบาๆ ระหว่างเขียนบันทึก เมื่อได้ทั้งความง่าย ความชัดเจน และรางวัลเล็กๆ จะช่วยให้นิสัยใหม่นั้นติดตัวได้จริง
ใช้จังหวะเวลาให้เป็นประโยชน์
เรามักจะมีแรงบันดาลใจมากขึ้นใน “จุดเริ่มต้นใหม่ตามธรรมชาติ” เช่น ต้นเดือนหรือต้นสัปดาห์ ดังนั้นลองถือว่า 1 ตุลาคม คือวันที่เริ่มต้นจริงของคุณ แล้วแบ่งเป้าหมายออกเป็นช่วงๆ แบบ 4 สัปดาห์ โดยเลือกโฟกัสสิ่งใหม่ในแต่ละสัปดาห์
ตัวอย่างเช่น:
- สัปดาห์ที่ 1 จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับนิสัยใหม่
- สัปดาห์ที่ 2 โฟกัสที่ความสม่ำเสมอ
- สัปดาห์ที่ 3 ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นหรือระยะเวลา
- สัปดาห์ที่ 4 ทบทวนว่าอะไรเวิร์ก อะไรควรปรับ
การแบ่งเวลาเป็น “ตอนสั้นๆ” แบบนี้ทำให้เป้าหมายดูจับต้องได้ง่ายขึ้น และการมีสิ่งใหม่ให้โฟกัสในแต่ละสัปดาห์ก็ช่วยไม่ให้รู้สึกเบื่อ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 1 มกราคมหรือ 1 ตุลาคม นักจิตวิทยาเตือนว่าไม่มีเวลาที่ “สมบูรณ์แบบ” สำหรับการเปลี่ยนแปลง และทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ทันที และเดือนตุลาคมเป็นเพียงจุดพักให้เรามองย้อนกลับไปและก้าวไปข้างหน้าด้วยแผนที่ชัดเจนเท่านั้น หากเราตั้งใจจริง ๆ เลือกเป้าหมายที่เหมาะสมและใช้กลยุทธ์อย่างเป็นระบบ ช่วงเวลานี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความสำเร็จให้ปีถัดไปได้
ที่มา : calm
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
