'Call It A Day' ซิงเกิลใหม่ Tilly Birds เพลงบอกลาที่อบอุ่นที่สุด

Tilly Birds กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ 'Call It A Day' ที่ไม่ใช่แค่เพลงอกหักธรรมดา แต่เป็นเพลงบอกลาที่อบอุ่นที่สุดและสงบอย่างน่าประหลาด มันคือการ 'ปล่อยมือด้วยความเข้าใจ'  ความรู้สึกที่ขัดแย้งกับภาพจำของความรักในยุคนี้ที่มักถูกฉาบด้วยความดราม่าของการตัดขาดหรือการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง     

"Call It A Day" โดดเด่นในฐานะเพลงแนว R&B โดยเพลงนี้ เติร์ด ได้ถ่ายทอดความรู้สึกเหนื่อยล้าจาก "การพยายามอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่เหลือทางไปต่อ" เป็นเรื่องราวในชีวิตจริงของเขาเอง ผสมผสานกับซาวด์ดนตรีของบิลลี่และไมโลที่เข้ากับเสียงร้องของเติร์ดที่ค่อย ๆ พาอารมณ์ให้จมดิ่งลงสู่ความนิ่งสงบ เพลงนี้จึงเปรียบเสมือน "อ้อมกอดสุดท้าย" ของความสัมพันธ์ที่ถึงจุดสิ้นสุด มันไม่ใช่การตัดขาด แต่คือการบอกลาอย่างสวยงามที่ยังคงเต็มไปด้วย ความอ่อนโยนและความเข้าใจ

ปรากฏการณ์นี้สะท้อน 'ความจริงในสังคม' เราถูกสอนให้ 'สู้' และ 'อดทน' จนวินาทีสุดท้ายของทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรัก หน้าที่การงาน หรือความฝัน จนลืมไปว่าทบทวนความรู้สึกตัวเอง และตัดสินใจ 'ปล่อยมือ' อาจเป็นการรักษาใจที่ดีที่สุด

เติร์ด เผยถึงจุดเริ่มต้นของเพลงที่น่าสนใจว่า..."จังหวะดนตรีที่บิลลี่กับไมโลขึ้นไว้ มันมีความอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกเศร้าอย่างประหลาด" ความรู้สึกขัดแย้งนี้เองที่นำพาเขาไปสู่แรงบันดาลใจในการเล่าเรื่องราวของการ 'ยุติความสัมพันธ์' เพื่อหยุดความเหนื่อยล้าจากการดิ้นรนอยู่ฝ่ายเดียวและตัดสินใจปล่อยมือเพื่อรักษาใจของทั้งคู่ไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

อีกหนึ่งความพิเศษของ "Call It A Day" ซิงเกิลใหม่ Tilly Birds ยังส่งผ่านไปยัง Visualizer ที่สร้างสรรค์โดยทีม COLLAB Design Studio ซึ่งถ่ายทอดภาพของ "การค่อย ๆ จมดิ่งและสูญหายไป" ได้อย่างลึกซึ้งและมีเสน่ห์. มันไม่ใช่การตัดขาดอย่างรุนแรง แต่เป็นการยอมให้ความรู้สึกค่อย ๆ เลือนหายไปเองตามธรรมชาติ การเลือกสำนวนภาษาและซาวด์ดนตรีในเพลงนี้จึงเป็นเสมือนบทกวีที่กระตุ้นให้เราขบคิดว่า "ความเศร้าที่ไม่ขมนั้นมีอยู่จริง" หากเรามีสติพอที่จะตัดสินใจ

'ลืม' คืออีกชื่อของการ 'จำ'

มุมมองที่แตกต่าง สิ่งที่สื่ออื่นอาจมองข้ามคือ 'ภาษาของ Tilly Birds' ที่กำลังจะปรากฏในอัลบั้มสากลชุดแรก "I'll Remember To Forget You" พวกเขากำลังพาไปรู้จักภาษาแห่งความทรงจำ ความรัก และการจากลาที่ทำให้เข้าใจว่าบางครั้ง "การลืม" อาจเป็นอีกชื่อหนึ่งของ "การจำอย่างสวยงาม" มุมมองนี้เปลี่ยนให้การจบความสัมพันธ์ไม่ได้เป็น 'จุดจบ' แต่เป็น 'การเปลี่ยนสถานะของความทรงจำ' ซึ่งคือการเยียวยาขั้นสูงสุดที่ให้เกียรติทั้งตัวเองและเวลาที่เคยมีร่วมกัน

เพลงนี้อาจกำลังตั้งคำถามกับเราว่า ทุกความสัมพันธ์ หน้าที่การงาน ความคาดหวังที่เรากำลัง 'ทน' อยู่ทุกความเหนื่อยล้า เราจะกล้าพอที่จะ 'ยอมแพ้' อย่างงดงาม เพื่อรักษาตัวเองและอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลงไปกว่านี้ได้หรือไม่?