ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
นายเมฆินทร์ อายุวัฒนมงคล อายุ 34 ปี อดีตนักกีฬาเพาะกาย แข่งขันในงานกีฬาแห่งชาติเมื่อปี 53 ขี่รถจยย.บิ๊กไบค์ ไม่สวมหมวกกันน๊อค ด่าทอหยาบคายท้าทาย ตำรวจจราจรสน.ทุ่งมหาเมฆ ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ในป้อมจราจร สี่แยกศาลาแดง ถนนพระรามที่ 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จากการตรวจวัดแอลกอฮอล์พบปริมาณสูงถึง 213 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก่อนถูกนำตัวมาดำเนินคดีเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผบ.ตร และโฆษกตร. , พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ และ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้เดินทางมาให้กำลังใจ ด.ต.ปวิช บุญมาสูงทรง ผบ.หมู่ (จร.) สน.ทุ่งมหาเมฆ ที่ประสบเหตุ พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มกับ นายเมฆินทร์ รวม 7 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, ขับรถในขณะเมาสุรา, ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่จัดให้ผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัย, เปลี่ยนแปลงปิดบังป้ายทะเบียน, ทำให้เกิดเสียงโดยไม่มีเหตุอันควร และบุกรุกเข้าไปในห้องควบคุมสัญญาณไฟจราจร เป็นพื้นที่ห้ามซึ่งไม่ใช่สถานที่บริการประชาชน
โดย พล.ต.อ.วิระชัย ได้ชื่นชม ด.ต.ปวิช ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความใจเย็น สุภาพ อดทน ไม่ใช้ความรุนแรง จนเหตุการณ์ไม่บานปลาย เป็นไปตามหลักยุทธวิธี อย่างไรก็ตามอยากเน้นย้ำว่า การบุกรุกเข้าไปในป้อมจราจร ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้าม เนื่องจากหากมีบุคคลเข้าไปกดเครื่องควบคุมสัญญาณไฟจราจร อาจทำให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุจราจรได้ ขณะที่ ด.ต.ปวิช เล่าว่า จังหวะที่เกิดเหตุเป็นชั่วโมงเร่งด่วน กำลังปฏิบัติหน้าที่สลับสัญญาณไฟจราจร จึงรีบกลับเข้าไปในป้อม และจากการพูดคุย ทราบทันทีว่า นายเมฆินทร์เมา จึงไม่คิดโกรธเคือง ถือสา
ด้านนายเมฆินทร์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษ ด.ต.ปวิช ยอมรับว่าเมามากจนขาดสติ และมีอารมณ์โมโหที่ถูกเรียกใบขับขี่ จึงพูดจาและใช้ท่าทางไม่เหมาะสมออกไป พร้อมยอมรับข้อกล่าวหาทั้ง 7 ข้อหา