ผบช.ภ.5 ยัน! คดียิง "ศรชัย" ดับคาด่าน ไม่มีจับแพะ!

  ผบช.ภาค 5 ยืนยันคดียิงเสี่ยรับเหมาดับคาด่านไม่มีจับแพะ เผยพยานหลักฐานชัดเจนอาวุธปืนเป็นของพลทหาร ชี้โทษถึงขั้นประหาร หากรับสารภาพต้องจำนนต่อหลักฐาน วันนี้( 13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีความคืบหน้าคดีที่นายศรชัย สถิตรักษ์ดำรง อายุ 35 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ถูกยิงจนเสียชีวิตคารถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน ซิลฟี่ สีขาวหมายเลขทะเบียน 2 กอ 2137 กรุงเทพ ขณะขับรถผ่านด่านตรวจชุมชน ในหมู่บ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เมื่อคืนวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายวุฒิชัย อินใจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา แต่นายวุฒิชัย ให้การปฏิเสธว่า ได้ใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงขึ้นฟ้าเท่านั้น ขณะที่ผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ออกมา ระบุว่า ผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืน เอ็ม 16 กระทั่งศาลมณฑลทหารบกที่ 37 ได้ออกหมายจับ พลทหารวันชัย จำปา สังกัดกรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จังหวัดพะเยา ในความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" โดยวานนี้ ( 12 ม.ค.) นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว พลทหารวันชัย เข้ามอบตัวกับ พลตำรวจโท พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แต่ล่าสุดญาติของนายศรชัย ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า พลทหารวันชัย ไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริง เนื่องจากไม่ได้มีรายชื่อเข้าร่วมปฏิบัติการที่ด่านดังกล่าวในคืนเกิดเหตุ เกี่ยวกับประเด็นนี้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ด่านดังกล่าว เป็นของฝ่ายปกครองที่มีกำนันเป็นหัวหน้า ส่วนทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ในคืนดังกล่าวไม่ได้อยู่ประจำด่าน แต่เดินทางมาตรวจเยี่ยม ส่วนหลักฐานที่มีการยืนให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งถึงมือพนักงานสอบสวนแล้ว พร้อมจะนำมาตรวจสอบทุกประเด็นที่มีข้อสงสัยอยู่เพื่อความรัดกุม ขณะที่ด่านชุมชนตามระเบียบเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานไม่สามารถพกพาอวุธปืนได้ ส่วนผู้ที่พกอาวุธปืนก็ต้องมีใบอนุญาต ซึ่งคืนดังกล่าวตรวจสอบแล้วพบว่า มีเจ้าหน้าที่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนไม่กี่คน จะต้องสอบสวนอีกครั้งและอาจต้องดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดี ได้มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควร แต่ยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของหลักฐานที่ส่งมาเพิ่ม คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะที่คำรับสารภาพของผู้ต้องหา ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะปักใจเชื่อต้องนำมาประกอบการพยานหลักฐานอื่น จนแน่ใจแล้วก็จะสั่งฟ้องไปซึ่งก็เป็นหน้าที่ของอัยการที่จะกลั่นกรองสำนวนคดีอีกชั้นหนึ่งก่อนจะส่งฟ้องต่อศาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่าพลทหารวันชัย อยู่ในที่เกิดเหตุแน่นอน หลังจากสอบปากคำพยานมาแล้วกว่า 10 ปาก แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไปให้ข้อมูลกับสื่อ เจ้าหน้าที่ได้เชิญมาสอบปากคำแล้ว แต่กลับบ่ายเบี่ยงจึงได้ออกหมายเรียกไป มั่นใจว่าผู้ต้องหาที่จับกุมได้ไม่ใช่แพะ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนประกอบกับคำรับสารภาพ คดีนี้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต หากไม่ได้ทำก็คงไม่มีใครมารับสารภาพแน่นอน ซึ่งการสอบปากคำครั้งแรกพลทหารรายนี้ยังไม่ยอมรับ กระทั่งมีพยานหลักฐานออกมาจึงมีการรับสารภาพ