การเจรจาระหว่าง ‘2 เกาหลี’ ที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มดี เหมือนที่ ‘มุน แจอิน’ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ตอนขึ้นมารับตำแหน่งว่า เขาอยากจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น แต่ ‘มุน แจอิน’ จะกลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้อีกคนที่เข้าพบกับ ‘ผู้นำเกาหลีเหรือ’ ได้หรือไม่?
เมื่อตอนที่ ‘สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN)’ มีโอกาสได้สัมภาษณ์ ‘มุน แจอิน’ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ว่า “เขาอยากจะถูกจดจำในแบบไหน?” เจ้าตัวตอบว่า “เขาต้องการเป็นที่จดจำในฐานะที่เป็นผู้นำที่สร้างสันติภาพให้บังเกิดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้”
ทั้งนี้ ‘มุน แจอิน’ สร้างก้าวที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเกาหลีเหนือยินยอมที่จะส่งทีมเจ้าหน้าที่และนักกีฬาเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว ‘พยองชางเกมส์’ และจัดการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดทางการทหารลง ซึ่งนี่นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลี ในรอบหลายปี และเป็นความสำเร็จของ ‘มุน แจอิน’ ซึ่งในระหว่างการแถลงเนื่องในวันปีใหม่ เขายังย้ำว่า เป้าหมายของเขา คือ การแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง
“จุดยืนพื้นฐานของเรา ที่เราไม่เคยยอมแพ้ คือ การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี โดยทั้ง 2 เกาหลี เห็นพ้องต้องกัน” - มุน แจอิน กล่าว
หากย้อนไปดูประวัติของผู้นำเกาหลีใต้คนนี้ เราจะเข้าใจมากขึ้นว่า “เพราะเหตุใดเขาจึงมุ่งมั่นเช่นนี้?” ... ‘มุน แจอิน’ เกิดเมื่อปี 2496 ซึ่งเป็นช่วง 5 เดือนก่อนสงครามเกาหลีจะยุติลง และในวัยเด็ก ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความลำบาก พ่อและแม่ของเขา คือ ผู้อพยพที่หนีออกมาจากเกาหลีเหนือ เมื่อเดือน ธ.ค. 2493 โดย ‘มุน แจอิน’ เคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อและแม่ของตนต้องการแสวงหาเสรีภาพ จึงเดินทางมายังเกาหลีใต้ แต่พวกท่านก็ยังคงต้องการจะกลับไปหาครอบครัวที่พลัดพรากจากกัน
ส่วนในวัยหนุ่มนั้น ‘มุน แจอิน’ คือ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เขาเคยออกมาเดินขบวนต่อต้าน ‘ปาร์ค ชองฮี’ อดีตประธานาธิบดี และเคยถูกจับขังคุก ก่อนที่เขาจะผันตัวกลายมาเป็นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง เมื่อเพื่อนรักของเขา ‘โรห์ มูฮยอน’ ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อปี 2546 ในตอนนั้น ประธานาธิบดีโรห์ดำเนินนโยบาย ‘ซันไชน์ โพลิซี’ หรือ นโยบายตะวันฉายแสง ต่อจาก ‘คิม แดจุง’ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งคว้ารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในช่วงระหว่างที่เกาหลีใต้ดำเนินนโยบาย ‘ซันไชน์ โพลิซี’ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 เกาหลี ดีขึ้น จนถึงขนาดที่ทำให้เกาหลีเหนือเชิญผู้นำเกาหลีใต้ถึง 2 คน ไปเยือนกรุงเปียงยาง คือ ‘คิม แดจุง’ และ ‘โรห์ มูฮยอน’
แต่หลังจากประธานาธิบดีโรห์พ้นจากตำแหน่ง เขาก็ถูกกล่าวหาว่า ทุจริต จนกระทั่งเขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย ในปี 2552 ถัดมาในปี 2555 ‘มุน แจอิน’ จึงเริ่มลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขาก็พ่ายแพ้ให้แก่ ‘ปาร์ค กึนฮเย’ ไปอย่างเฉียดฉิว แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ ‘ปาร์ค กึนฮเย’ ถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริต และถูกปลดจากตำแหน่ง โดยการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. 2560 ‘มุน แจอิน’ คว้าชัยชนะไปด้วยเสียงสนับสนุน 41%
ภายในประเทศ ‘มุน แจอิน’ ยังคงได้รับการสนับสนุนจากการให้คำมั่นของเขา ที่ต้องการปราบปรามการทุจริต การแก้ไขปัญหาการว่างงาน และการปฏิรูปแชโบล อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า ทุกวันนี้ ‘มุน แจอิน’ เผชิญแรงกดดันจากทั้งสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ ซึ่งเกาหลีใต้คงจะทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ถ้าหากพี่ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วย ดังนั้น นโยบาย ‘ซันไชน์ โพลิซี’ ในยุคของ ‘มุน แจอิน’ ก็อาจจะยากเย็นกว่าสมัยสิบปีที่แล้วอย่างแน่นอน