"ฝน ศนันธฉัตร" ออกมาเปิดใจครั้งแรกกับสื่อมวลชน หลังเพจดังกุข่าวเสียหายเป็นมือที่สามคบหนุ่มมีภรรยาแล้ว จ่อฟ้องจริง กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน
จากกรณีที่ ฝน ศนันธฉัตร หรือ ฝน ฮอร์โมน เกิดอุบัติเหตุรถเฟอร์รี่พุ่งเข้าชนกับแบริเออร์ โดยมีนักแข่งรถและนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของรังนกชื่อดัง สราวุธ เสรีธรณกุล เป็นคนขับ จากนั้นก็ได้มีเพจดังออกมากุข่าวว่าฝ่ายชายนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว พร้อมเขียนข้อความไว้ว่า “หายไวๆนะคะทั้งคู่ ฝ่ายหญิงมีคุณแม่และผู้จัดการดูแล ฝ่ายชายมีภรรยาดูแล หายไวๆนะคะ” ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ในเชิงเสียหายกันอย่างมากมาย
ในเวลาต่อมา เจ้าตัวจึงได้ออกมาโพสต์ไอจีสวนกลับพร้อมเอาผิดทางเพจดังกล่าวและผู้ที่มาคอมเมนต์ทันที ว่า “สวัสดีค่ะ ฝากถึงแอดมินเพจและคนคอมเม้นนะคะ ขอแจ้งให้ทราบว่าจะดำเนินการตามกฎหมายค่ะ ข่าวที่เขียนไม่เป็นความจริง พี่เค้าไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีภรรยา และคนที่เฝ้าอาการอยู่คือฝนและทางครอบครัวของพี่เค้านะคะ ตอนนี้อาการปลอดภัยดี ทั้งฝนและพี่เค้าอยู่ในขบวนการรักษาของแพทย์ สำหรับเพจนี้ที่ไม่มีจรรยาบรรณและทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ทั้งแอดมินและบุคคลที่คอมเม้น คุยกันอีกทีผ่านขบวนการทางกฎหมายนะคะ ไม่รับคำขอโทษค่ะเพราะว่าจะได้เป็นตัวอย่างให้บุคคลสาธารณะคนอื่นๆที่เคยโดนข่าวแบบนี้เหมือนกัน ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ขอบคุณค่ะ”
ล่าสุด สาวฝน ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงเรื่องนี้ว่า
-ร่างกายตอนนี้เป็นยังบ้าง
"หนูเอ็กซเรย์ร่างกายแล้ว ไม่ได้หักไม่ได้แตก ไม่ได้ผ่าตัด แค่ปวดหมอนรองกระดูก และทานยาตามอาการ ไม่ต้องแอดมิท แต่วันแรกต้องอยู่โรงพยาบาล เพราะมันชนแรง คุณหมอเลยอยากดูอาการทางสมองว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรกระทบกระเทือนหรือเปล่า รอดูอาการ 15 ชั่วโมง พอไม่เป็นอะไรเลยกลับบ้านได้"
-ตอนนั้นเรารู้ตัวใช่ไหม
"ทั้งหนูและคนขับรู้ตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนั้นคือขับตรมาอย่างเดียวเลย แล้วตรงนั้นเป็นทางก่อสร้างแล้วก็เกิดลื่นภายในหนึ่งวินาที รถไม่ได้ปาดซ้ายปาดขวา พอชนแท่งแบริเออร์ รถก็หยุด มันก็เลยดูแรง พอชนแล้วก็ตกใจ แต่ถามว่ามีสติจำได้ไหม จำได้ร้องเปอร์เซ็นต์ เพราะเราเป็นคนโทรศัพท์ติดต่อญาติ และก้โทรหาคุณแม่ด้วย ไม่ได้สลบทั้งคู่"
-สภาพรถพังยับ
"ตอนแรกไม่คิดว่ารถหนักขนาดนี้ พอออกจากรถมาดู เราก็ตกใจ ว่ารถสภาพหนักมากเลย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เลยโทรถามทางเฟอร์รารี่ เขาก็เลยอธิบายว่า พอมันเป็นรถยี่ห้อนี้ พอเกิดการชน เครื่องข้างหน้ามันจะตกลงพื้น ถ้าเป็นรถบางรุ่นจะอัดเขาตัว แล้วพ่วงมาลัยมันจะยกขึ้น เป็นระบบเซฟตี้ของเขา และเป็นกระจกนิรภัยก็เลยไม่โดน ก็เลยไม่ต้องไปเกาหลี (หัวเราะ)"
-วันนั้นขับเร็วเกินลิมิตไหม
"ไม่ได้เร็วมาก เพราะถนนแถวนั้นก่อสร้าง แล้วหลุมบ่อเยอะ ซิ่งไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยความที่ไม่มีอะไรมาลดแรงกระแทก แล้วรถมันหยุดภายในหนึ่งวินาที และวันนั้นยืนยันว่าไม่ได้ดื่มทั้งคู่"
-อาการพี่ที่ขับไปด้วยเป็นยังไงบ้าง
"ขาหัก แขนร้าวต้องผ่าและใส่เหล็กที่ขา"
-เรื่องที่จะฟ้องร้อง
"วันนั้นหนูยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย พอตื่นมาเจอข่าวเต็มเลย ซึ่งข่าวอุบัติเหตุเข้าใจว่ามันเป็นการรายงานข่าวปกติ แต่อยู่ๆ ก็เพจเม้าท์ดารา เพื่อนเป็นคนส่งมาให้ดู เพื่อนบอกว่ารู้สึกไม่โอเคเลย ทั้งคอมเม้นต์ทั้งเนื้อหา
-หนูก็เลยเข้าไปอ่าน พูดจริงๆ ก็โกรธค่ะ เพราะว่ามันไม่เป็นความจริงเลย แล้วมันไม่ได้เสียหายแค่หนู หรือพี่กี้ที่เป็นคนขับ แต่เสียหายไปถึงพี่ชายเขา (เฮียโต้ง) และภรรยาของพี่ชายเขา พอเห็นรูปฝั่งคนที่รู้จักเฮียโต้งก็โทรมา แล้วฝั่งที่รู้จักกับภรรยาเฮียโต้งก็โทรมา กลายเป็นว่าทุกคนวุ่นวายกันไปหมด นอกจากอุบัติเหตุใครกันแน่ที่เจ็บ และยังมีข่าวมือที่สามออกมาด้วย ตกใจกันหลายฝ่ายมาก"
-ข้อความในเพจสื่อประมาณว่าเราไปเป็นเมียน้อยเขา โกรธแค่ไหนกับคำนี้
"โกรธมากค่ะ เพราะส่วนตัวรู้สึกอะไรถูกอะไรควร มันก็ควรเป็นไปตามนั้น คนกำลังเจ็บอยู่ เจ็บตัวแล้วตื่นมายังเจ็บใจด้วย"
-ความสัมพันธ์ของฝนกับพี่กี้
"ก็คบกันอยู่ค่ะ จะเรียกว่าเป็นแฟนกันก็ได้ จริงๆ เวลาไปไหนมาไหนหนูไม่ได้ปิด แค่ไม่ได้ลงรูปคู่ตั้งแต่ไหนแต่ไร นอกนี้ก็เลยเห็นรูปหมดเลย (ยิ้ม)"
-ถามคนที่แฉไหมว่าทำเพราะอะไร
"หนูไม่รู้จักกับแอดมินเป็นการส่วนตัว เลยให้ทนายเป็นคนรวบรวมเอกสาร เพื่อดำเนินคดี ยืนยันว่าพี่กี้ไม่เคยแต่งงานค่ะ และไม่มีภรรยา เพราะไม่เคยแต่งงานเลย"
-พอมีข่าวพี่กี้ว่าไงบ้าง
"ตอนนั้นเขายังนอนไอซียูอยู่เลย ยังคุยไม่ได้"
-งงไหมว่าเราไม่เคยทำอะไรให้ใคร ทำไมเขาเอาเราไปโยงแบบนั้น
"มันมีเพจที่โพสต์รูปผิด เพราะว่าเขาเซิร์ทนามสกุลจากกูเกิ้ล หนูไม่แน่ใจนะ ที่เห็นแน่ๆ คือมีการโพสต์รูปผิดก่อน แต่เพจที่เม้าท์ดาราเขาโพสต์รูปถูกต้อง ซึ่งเป็นรูปหนูกับพี่กี้ แต่เป็นเนื้อข่าวที่ปนไปเรื่อยๆ และบอกว่าทางหนูมีการโทรศัพท์มาให้ลบโพสต์ ซึ่งหนูไม่ได้มีคอนแท็กกับเพจนั้น และไม่ทราบว่าใครเป็นแอดมิน เขาทั้งโพสต์เอง และก็ออกมาบอกเองว่ามีคนสั่งให้ลบ ซึ่งเขาทำเองทุกอย่างเลย"
-ตอนนี้เรื่องอยู่ในขั้นไหนแล้ว
"คุยกับทนายแล้ว กำลังเตรียมเอกสารอยู่ เพราะเราก็ไม่รู้ขั้นตอนกฎหมายว่ามันมีขั้นตอนอะไรบ้างก็ต้องให้ทางทนายเป็นคนช่วยจัดการ ส่วนตัวหนูต้องไปแจ้งตำรวจไอที เราจะฟ้องรวบต้องรอพี่กี้ออกจากโรงพยาบาลก่อน หนูจะฟ้องแน่นอน รอให้ทางพี่กี้พอจะเดินได้บ้าง ก็จะไปฟ้องพร้อมกัน เพราะตอนนี้ยังกายภาพอยู่ ส่วนจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ ต้องรอคุณหมอบอก เพราะว่าผ่านานมาก เขาผ่าขากับแขน ส่วนสมองปกติดี คอไม่หักไม่ร้าว แต่กระดูกต้นขาหักสามท่อน ซึ่งทางเพจก็ไม่ได้มีใครติดต่อเรามา แล้วเขาก็ปิดเพจหนีไปแล้วด้วย"
-จะฟ้องคนที่มาคอมเม้นท์ด้วยไหม
"ในส่วนของคอมเม้นท์บางทีมีทั้งแอดเค้าท์จริง แอดเค้าท์ปลอม ก็ต้องไปสืบชื่อนามสกุลที่ถูกต้อง และโพรไฟล์ที่ถูกต้อง เพื่อเจอตัวบุคคลนั้น"
-อยากให้เขารับผิดชอบยังไงบ้าง
"หนูไม่ทราบว่าทางกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญา ทำอะไรได้บ้าง ต้องให้ทางตำรวจและทนายคุยให้ เพราะว่าหนูไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเลย"
-ครั้งนี้ดูเอาจริงไม่รับแม้กระทั่งคำขอโทษ
"หนูรู้สึกว่า เราไม่ใช่คนแรกที่เจอเรื่องนี้ พี่ๆ น้องๆ ในวงการบันเทิงเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ แล้วก็ไม่มีใครทำอะไรเลย อาจจะคิดว่าปล่อยผ่านไป ไม่เอามาทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่เจอแบบนี้ หนูรู้สึกว่าถ้าทำให้มีกรณีตัวอย่างสักครั้งหนึ่ง คนที่ทำก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร"
-ความต้องการของเราจะให้เขารับผิดชอบแบบไหน
"หนูไม่รู้จริงๆ ว่าทางกฎหมายดำเนินการอะไรได้บ้าง ต้องให้ทางตำรวจเป็นคนตัดสินใจ เพราะว่าเราไม่มีสิทธิตัดสินใจว่าอยากให้เป็นอะไร แต่มันมีโทษอยู่แล้ว แต่หนูไม่รู้ว่ามันมากน้อยขนาดไหน"
-พี่กี้เห็นด้วยใช่ไหมที่เราจะฟ้อง
"เราก็ปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี ซึ่งพี่เขาก็รู้สึกว่าอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะมันเสียหายทั้งชื่อเสียงของหนูและทั้งของพี่กี้ แล้วเฮียโต้งกับภรรยาก็งงไปหมด"
-รถพังขนาดนั้น แต่ไม่เป็นอะไรเลย มีพระดีเหรอ
"ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ หนูคิดแค่ว่าจะเอาตัวเองไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ก็เลยไม่ทันคิดเรื่องอื่นเลย"
-ตอนนี้กลัวการขับรถไปเลยหริอเปล่า
"หนูก็ยังขับรถไปทำงานอยู่เลยค่ะ แต่ก็ขับขี่แบบปลอดภัยค่ะ"
-ฝนกับพี่กี้คบกันมานานหรือยัง
"จริงๆ รู้จักกันมาประมาณสองปีกว่า แต่มาคุยกันจริงจังประมาณต้นปีนี้ แล้วก็คืบหน้ามาเรื่อยๆ ถามว่าเขาชนะใจเรายังไงบ้าง หนูเป็นคนที่เวลาคุยกับใครจะคุยนาน ซึ่งที่ผ่านมาก็เลยอาจจะไม่ค่อยมีข่าว เพราะเราทำความรู้จักกันอยู่"