ราชกิจจานุเบกษา พระราชกฤษฎีกา พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน จังหวัดนราธิวาส นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ และหนองคาย
เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตะปอเยาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ และตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. 2563 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตะปอเยาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ และตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4066 สายโกตาบารู - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปาลอบาต๊ะ) ตอนปาลอบาต๊ะ - บ้านบือราเป๊ะ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 และมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตะปอเยาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ และตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. 2563”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4066 สายโกตาบารู - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปาลอบาต๊ะ) ตอนปาลอบาต๊ะ - บ้านบือราเป๊ะ
มาตรา 4 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา 5 เขตที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลตะปอเยาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ และตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส มีส่วนแคบที่สุดสองร้อยเมตร และส่วนกว้างที่สุดห้าร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 6 ให้เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา 7 ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน
มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4066 สายโกตาบารู - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปาลอบาต๊ะ) ตอนปาลอบาต๊ะ - บ้านบือราเป๊ะ ในท้องที่ตำบลตะปอเยาะ ตำบลลุโบะบือซา อำเภอยี่งอ และตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค สมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วันเดียวกัน เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลการะเกด และตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2563 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลการะเกด และตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 408 สายนครศรีธรรมราช - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (นาทวี) ที่บ้านหัวถนนการะเกด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 และมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกาน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ท่ีดินท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขยาย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๘ สายนครศรีธรรมราช - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒ (นาทวี) ที่บ้านหัวถนนการะเกด
มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกาหนดสี่ปี
มาตรา ๕ เขตที่ดินท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตาบลการะเกด และตาบลแม่เจ้าอยู่หัว อาเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีส่วนกว้างหนึ่งร้อยเมตร ท้ังน้ี ภายในแนวเขตตามแผนท่ีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ ให้เริ่มต้นเข้าสารวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ท่ีอยู่ภายในแนวเขตท่ีดิน ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาน้ีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๗ ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน
มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรฐัมนตรี
วันเดียวกัน เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลฉลอง และตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2563 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลฉลอง และตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4021 สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านโคกโตนด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4024 สายห้าแยกฉลอง - ราไวย์ ที่บ้านโคกโตนด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 และมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากาหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตาบลฉลอง และตาบลราไวย์ อาเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๓”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ที่ดินท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขยาย ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม - ห้าแยกฉลอง ที่บ้านโคกโตนด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๔ สายห้าแยกฉลอง - ราไวย์ ที่บ้านโคกโตนด
มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกาหนดส่ีปี
มาตรา ๕ เขตที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาน้ี อยู่ในท้องที่ตาบลฉลอง และตาบลราไวย์ อาเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต มีส่วนแคบที่สุดหนึ่งร้อยเมตร และส่วนกว้างท่ีสุด หน่ึงร้อยห้าสิบเมตร ท้ังนี้ ภายในแนวเขตตามแผนท่ีท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ ให้เริ่มต้นเข้าสารวจท่ีดินและอสังหาริมทรัพย์ท่ีอยู่ภายในแนวเขตที่ดิน ท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๗ ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน
มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรฐัมนตรี
วันเดียวกัน เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปลายพระยา ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา และตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2563 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปลายพระยา ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา และตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4367 สายโคกเจียก - ไสเสียด ตอนบ้านวังจา - บ้านนาเหนือ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 และมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกาน้ีเรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากาหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืน ในท้องที่ตาบลปลายพระยา ตาบลเขาเขน อาเภอปลายพระยา และตาบลนาเหนือ ตาบลเขาใหญ่ อาเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๖๓”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ท่ีดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้ในการสร้าง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๓๖๗ สายโคกเจียก - ไสเสียด ตอนบ้านวังจา - บ้านนาเหนือ
มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกาน้ีให้ใช้บังคับได้มีกาหนดสี่ปี
มาตรา ๕ เขตที่ดินท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาน้ี อยู่ในท้องที่ตาบลปลายพระยา ตาบลเขาเขน อาเภอปลายพระยา และตาบลนาเหนือ ตาบลเขาใหญ่ อาเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีส่วนแคบที่สุดส่ีร้อยเมตร และส่วนกว้างท่ีสุดหน่ึงพันสามร้อยเมตร ท้ังนี้ ภายในแนวเขตตามแผนท่ี ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ ให้เริ่มต้นเข้าสารวจท่ีดินและอสังหาริมทรัพย์ท่ีอยู่ภายในแนวเขตที่ดิน ท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๗ ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน
มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรฐัมนตรี
วันเดียวกัน เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกอมเกาะ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลค่ายบกหวาน ตำบลวัดธาตุ ตำบลหาดคำ และตำบลหินโงม อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พ.ศ. 2563 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกอมเกาะ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลค่ายบกหวาน ตำบลวัดธาตุ ตำบลหาดคำ และตำบลหินโงม อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 247 สายทางเลี่ยงเมืองหนองคาย ตอนทางเลี่ยงเมืองหนองคายด้านตะวันออก
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 และมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากาหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องท่ีตาบลหนองกอมเกาะ ตาบลโพธิ์ชัย ตาบลค่ายบกหวาน ตาบลวัดธาตุ ตาบลหาดคา และตาบลหินโงม อาเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พ.ศ. ๒๕๖๓”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ที่ดินท่ีจะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้ในการสร้าง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔๗ สายทางเลี่ยงเมืองหนองคาย ตอนทางเล่ียงเมืองหนองคาย ด้านตะวันออก
มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกาหนดสี่ปี
มาตรา ๕ เขตที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องท่ีตาบลหนองกอมเกาะ ตาบลโพธ์ิชัย ตาบลค่ายบกหวาน ตาบลวัดธาตุ ตาบลหาดคา และตาบลหินโงม อาเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย มีส่วนแคบท่ีสุดส่ีร้อยเมตร และส่วนกว้างที่สุดสองพันห้าร้อยเมตร ทั้งน้ี ภายใน แนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาน้ี
มาตรา ๖ ให้เริ่มต้นเข้าสารวจท่ีดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดิน ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๗ ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าท่ีในการเวนคืน
มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรฐัมนตรี
Cr.
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/083/T_0003.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/083/T_0006.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/083/T_0009.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/083/T_0012.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/083/T_0015.PDF