svasdssvasds

ล่า ประสิทธิ์ เจียวก๊ก หาเบาะแสแหล่งซ่อนตัว ไม่เกี่ยวนักการเมือง

ล่า ประสิทธิ์ เจียวก๊ก หาเบาะแสแหล่งซ่อนตัว ไม่เกี่ยวนักการเมือง

ตำรวจกองปราบปรามปูพรมล่าตัว "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" หัวหน้าขบวนการแก๊งตุ๋นหลอกลงทุน พร้อมพวก สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วกว่า 100 ปาก ยันยังไม่พบความเชื่อมโยงนักการเมืองดัง

จากกรณีตำรวจกองปราบสนธิ บุกทลายเครือข่ายของ นายประสิทธิ์ และพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง จนสามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 คน ยังเหลือ นายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการ กับ นายกิตติศักดิ์ ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี

ล่าสุด วันที่ 15 พ.ค. 2564 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. เปิดเผย ความคืบหน้าคดี แม้จะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้วจำนวนหนึ่ง แต่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนก็ยังคงต้องดำเนินการต่อไป เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้สำนวนมีความแน่นหนามากขึ้น เนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง รวมถึงมีจำนวนผู้เสียหายจำนวนมาก อยู่ในความสนใจของประชาชน การดำเนินการจึงต้องละเอียดรอบครอบ ส่วนของผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คน ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด เบื้องต้นจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสเป็นการด่วน ตรวจสอบทุกข้อมูลเบาะแสที่มี เพื่อเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานบุคคลต่างๆ ทราบว่าขณะนี้สอบไปได้ 100 กว่าปากแล้ว ซึ่งพยานทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันว่าบริษัทดังกล่าวไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามยังคงเหลือผู้เสียหายที่ยังไม่ได้สอบปากคำอีกหลายร้อยคน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด จึงอาจต้องทำเรื่องเสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้จัดตั้งคณะทำงานใหญ่ขึ้นมาเพื่อมาดูแลคดีดังกล่าวและรวบรวมโอนสำนวนคดีทั้งหมดโดยเป็นการสอบปากคำจากในแต่ละพื้นที่เข้ามาที่ส่วนกลางให้เกิดความรวดเร็วในการทำสำนวนคดี คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผล  

      

ต่อข้อสักถามกรณีที่มีภาพข่าวปรากฏเป็นภาพของนักการเมืองชื่อดัง ไปปรากฏตัวเป็นประธานในงานเปิดตัวธุรกิจของกลุ่มบริษัทเครือข่ายผู้ต้องหาหลายครั้ง ทางพล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ขณะนี้ขั้นตอนสืบสวนสอบสวนยังไปไม่ถึงข้อมูลตรงนั้น เนื่องจากต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายในคดีให้ได้ครบทั้งหมดก่อน

และต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารที่สามารถรวบรวมได้จากการเข้าตรวจค้นทั้ง 9 จุด ว่าพบความเขื่อมโยงหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้ ณ ตอนนี้ ยังไม่พบความเขื่อมโยง หรือ มีใครให้การซัดทอดไปถึงบุคคลที่ปรากฏตามภาพข่าว แต่หากหลังการสอบปากคำหรือตรวจสอบพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วพบข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงก็อาจจะต้องออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

       

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า การเข้าทลายเครือข่ายธุรกิจดังกล่าว ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนอีกครั้งการสอบปากคำผู้เสียหายรวมถึงการตรวจสอบธุรกิจทั้งหมดของเครือข่ายนี้พบว่าไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าตอบแทนให้กับกลุ่มเครือข่ายได้ตามที่สัญญาไว้อย่างแน่นอน จึงเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชน และต้องรีบดำเนินการติดตามทรัพย์สินทั้งหมดมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือ ทำคดีตามใบสั่งใคร ทำตามกรอบเกณฑ์กฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความที่ บก.ปอศ. ดีเอสไอ และหน่วยงานต่างๆหลายแห่ง ทาง บช.ก. จึงสั่งให้รวบรวมคดีมาไว้ที่กองปราบ พร้อมกับจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนนำมาสู้การออกหมายจับผู้กระทำผิด

related