svasdssvasds

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารฯ มธ. แถลง ร้องเรียน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารฯ มธ. แถลง ร้องเรียน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์แถลงเรียกร้อง ขอให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และการทำงานของสื่อมวลชน

เพจ JC Thammasat ได้แถลงการณ์กลุ่มอาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ "ขอให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และการทำงานของสื่อมวลชน"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โดยนับตั้งแต่มีการประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27 ข้อ 11 (ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2564) และ ฉบับที่ 29 (ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564) อันมีใจความสำคัญไม่ให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้แสดงความคิดเห็นที่อยู่บนฐานของข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ดังนั้น เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพในการสื่อสารอันเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตย คณาจารย์ดังรายชื่อแนบท้าย ขอแถลงดังนี้

 

ประการที่หนึ่ง ข้อกำหนดดังกล่าวปรากฏเจตนาชัดว่ารัฐบาลต้องการควบคุมการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและการทำงานของสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ผ่านการกำหนดโทษสำหรับการส่งต่อ ‘ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว’ ซึ่งการกำหนดให้การกระทำเหล่านี้มีความผิด เป็นการตีความถ้อยคำอย่างกว้าง กำกวม ไม่ชัดเจน และเปิดโอกาสให้การพิจารณานั้นอาศัยเพียงดุลยพินิจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินสมควร จนอาจกล่าวได้ว่าเมื่อไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าการกระทำใดบ้างที่เข้าข่ายการกระทำผิดตามข้อกำหนด รัฐบาลก็สามารถชี้ว่าการเผยแพร่ข้อมูลใดเป็นการสร้างความหวาดกลัว และใช้อำนาจในการลงโทษผู้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้นโดยทันที

 

ประการที่สอง การออกข้อกำหนดเช่นนี้ย่อมขัดต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขัดต่อหลักสากลอันว่าด้วยสิทธิมนุษยชนด้านเสรีภาพในการแสดงออก และขัดต่อหลักการทำงานโดยอิสระของสื่อมวลชนอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งเป็นการใช้กฎหมายและบทลงโทษมาลิดรอน บีบบังคับ รวมถึงจำกัดการทำงานของสื่อมวลชนมากเกินสมควร โดยไม่ได้มุ่งคุ้มครองสาธารณประโยชน์แต่อย่างใด

 

ประการที่สาม ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบ แสวงหาข้อเท็จจริง และเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขผู้เจ็บป่วย ผู้เสียชีวิต ปัญหาการบริหารจัดการ หรือปัญหาด้านการรักษาพยาบาล ถือเป็นภารกิจที่จำเป็นอย่างยิ่งของสื่อมวลชน แม้ข้อเท็จจริงเหล่านั้นอาจทำให้เกิดความหวาดกลัวในสังคม แต่ก็เป็นไปเพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้าน อันจะนำไปสู่การร่วมกันหาทางออกในภาวะวิกฤติ และขับเคลื่อนสังคมบนฐานของข้อมูลข่าวสารจริงที่ได้รับการคัดกรองแล้ว

 

ประการที่สี่ หากรัฐบาลมีข้อกังวลเรื่องการส่งต่อข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ (Fake News) ในช่วงวิกฤตินี้ ขอเรียกร้องให้มีการบังคับใช้ข้อกฎหมายเท่าที่มีอยู่ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ในส่วนของการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท ฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมว่ารัฐบาลศรัทธาในความเที่ยงธรรมของระบบตุลาการโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้อกำหนดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

ประการที่ห้า นอกจากความจำเป็นของรัฐบาลในการสร้างหลักประกันการทำงานโดยอิสระ ปราศจากอำนาจบีบบังคับสื่อมวลชนแล้ว ในภาวะเช่นนี้ นับเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อให้แก่ประชาชน ผ่านการมอบอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลและออกแถลงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อมูลเท็จ รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารเพื่อยกระดับการรู้เท่าทันสื่อ

ในระบอบประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพในการสื่อสาร ข้อเท็จจริงย่อมทนทานต่อการตรวจสอบขัดเกลาเสมอ ทว่าความพยายามของรัฐบาลในการปิดกั้นข้อมูลด้วยการข่มขู่ผ่านกฎหมายและบทลงโทษมีค่าเท่ากับขัดขวางสาธารณะในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้น ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 27 (ข้อ 11) และ ฉบับที่ 29 โดยทันที

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารฯ มธ. แถลง ร้องเรียน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารฯ มธ. แถลง ร้องเรียน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ

กลุ่มอาจารย์คณะวารสารฯ มธ. แถลง ร้องเรียน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ

related