หญิงหน่อย เสนอแนวทางสยบวิกฤต ด้วยแนวทาง 30 บาทตรวจโควิดถ้วนหน้า

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย เสนอแนวทางสยบวิกฤต ด้วยแนวทาง 30 บาทตรวจโควิดถ้วนหน้า โดยมีรายละเอียดดังนี้

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาถึงจุดวิกฤติยิ่งกว่าเดิม จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 2 หมื่นราย ต่อเนื่องมาสองวันแล้ว และมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลยังไม่มีวิธีบริหารวิกฤติที่มีประสิทธิภาพ

สาหัสไปกว่านั้น คือเมื่อประชาชนออกมาวิจารณ์ ก็บอกว่าเป็นข่าวปลอม และใช้กฎหมายเข้าปิดปาก แทนที่จะชี้แจงให้กระจ่างโดยเร็ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• หญิงหน่อย เรียกร้อง ไฟเซอร์ 1.5 ล้าน ต้องฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า

• หมอสันติ ชำแหละความผิดพลาดนโยบายตรวจโควิด ก่อนปลดล็อก Antigen Test Kit

• เร่งตรวจเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit

“การตรวจโรคถ้วนหน้า” คือหัวใจสำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาด

พรรคไทยสร้างไทย ขอย้ำว่า หัวใจที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดในเวลานี้ได้ คือ “การตรวจโรคถ้วนหน้า” เพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อ โดยดำเนินการตรวจคัดกรอง 100% เพื่อดึงเอาคนที่ติดเชื้อทั้งหมด ออกมากักตัว-รักษา-แยกออกจากคนที่ไม่ติด

เราเสนอว่า รัฐบาลต้องแจกชุดตรวจ Antigen Test Kit ให้กับประชาชน โดยฝึกหัดอาสาสมัครภาคประชาชนในแต่ละชุมชน ให้เป็นผู้ช่วยตรวจ และส่งผลตรวจเข้าระบบ ทำงานร่วมกับสำนักงานเขต หรือฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่ เพื่อเร่งแยกติดเชื้อออกจากชุมชน

รวมทั้งทำให้ ATK มีราคาถูกที่สุด ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงชุดตรวจได้ในราคา 30 บาท

ในช่วงวิกฤต รัฐบาลต้องลดภาระประชาชนให้มากที่สุด

ในวิกฤติเช่นนี้ รัฐบาลต้องลดภาระของประชาชนให้น้อยที่สุด และทำให้ประชาชนเข้าระบบสาธารณสุขได้รวดเร็วที่สุด

ขอยกตัวอย่างในประเทศอังกฤษ แม้แต่เด็กประถม ยังสามารถใช้ชุดตรวจได้ด้วยตัวเอง ทำการตรวจอาทิตย์ละ 2 ครั้งก่อนไปโรงเรียน ทำให้สามารถตรวจคัดกรองได้วันละล้านคน และยิ่งตรวจคัดกรองได้มากเท่าไหร่ ก็จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

หากรัฐบาลดำเนินการตรวจโรคถ้วนหน้า เป็นวาระเร่งด่วน ขนานไปกับการฉีดวัคซีนแบบปูพรม ก็จะทำให้กราฟการแพร่ระบาดหักหัวลง คนติดรายวันจะลดลง จนสามารถเปิดประเทศได้ แบบที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย

แต่หากไม่ทำทั้งหมดนี้ นอกจากจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคได้ยากขึ้นแล้ว ยังหยุดยั้งวิกฤติศรัทธาต่อรัฐบาลปัจจุบัน ได้ยากยิ่งขึ้นด้วย

ที่มา FB : คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan