svasdssvasds

นายกฯ จ่อเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 พ.ค. ชี้ยังไม่เคาะโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น

นายกฯ จ่อเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 พ.ค. ชี้ยังไม่เคาะโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น

นายกรัฐมนตรี เผย ศบค. ชุดใหญ่ ยกเลิกระบบ Test & go ปรับตรวจ ATK รองรับเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 พ.ค. นี้ ปรับลดพื้นที่โซนสีไร้เงาแดง หวังฟื้นท่องเที่ยว เข้มมาตรการเปิดเทอม ยัน ยังไม่เคาะโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 หรือ ศบค. โดยระบุว่า ได้มีการติดตามประเมินผล สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด19 ในช่วงที่ผ่านมาและอยูในขั้นตอนการประเมินสถานการณ์หลังเทศกาลสงกรานต์ ที่มีการติดตาม 1-2 สัปดาห์ ที่วันนี้ทุกคนคาดหวัง การผ่อนคลายมาตรการในการเข้าประเทศ แบบ Test & go และมีการปรับมาตรการต่างๆแล้ว ก็ได้มีการปรับ โดยทางโฆษกศบค.จะเป็นผู้ที่แจ้งในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยจะมีการยกเลิก ระบบการเข้าประเทศในรูปแบบ  Test & go และให้ปรับเป็นการตรวจหาเชื้อแบบ ATK เพื่อความสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่จะเปิดการท่องเที่ยวของไทย โดยช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มดีขึ้นแล้ว หลายประเทศก็ได้มีการปรับมาตรการ ที่ได้มีการผ่อนคลายมากพอสมควร ซึ่งในวันนี้ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศ ที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวมากพอสมควร ในช่วงเวลานี้เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า ไปได้ อย่างไรก็ตามมาตรการที่ได้มีการปลดล็อคไป ซึ่งมีทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ มาตรการในการตรวจหาเชื้อ มาตรการในการดูแลและมาตรการในการรองรับผู้โดยสาร ซึ่งมีหลายประเด็นด้วยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ประเด็นที่สำคัญคือ การเปิดสถานศึกษาในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งจะต้องมีการเตรียมมาตรการเปิดเรียนแบบออนไซต์ ซึ่งทุกอย่างมีข้อกำหนดทั้งสิ้น และสิ่งสำคัญคือต้องขอความร่วมมือ และความเข้าใจ เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีน สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครบโดสและการฉีดวัคซีนในเด็กที่ต้องมีการเร่งรัดจัดหาเพิ่มเติมและเร่งดำเนินการฉีด ซึ่งตอนนี้ เด็กที่ฉีดวัคซีนได้คือต้องมีอายุเกิน 5 ปี ที่ยังไม่มีการใช้วัคซีนกับเด็กต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองต้องระมัดระวัง ส่วนใหญ่ติดจากผู้ปกครองทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวังตนเอง และครอบครัวให้มากที่สุด จำเป็นต้องขอความร่วมมือ เพราะเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ และรัฐบาลเองก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ซึ่งจากที่ตนได้รับฟังข้อมูลจากต่างประเทศ ก็ชื่นชมมาตรการของไทย แม้จะมีการติดเชื้อแต่ต้องดูมาตรการรองรับของไทย การรักษาหาย ความพร้อมของระบบรักษาพยาบาล ผมต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานทุกส่วนราชการรวมทั้งประชาชนอสม ที่ช่วยทำให้ประเทศไทย มีความปลอดภัยได้ถึงขณะนี้ ซึ่งดีกว่าหลายประเทศ และขอความร่วมมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสาธารณสุขกับไทย

ขณะที่การท่องเที่ยวจะต้องดูเรื่องการพัฒนา ว่าจะทำอย่างไรให้เพิ่มการท่องเที่ยวในลักษณะ Two Country One destination ได้หรือไม่ ประเทศเขามีตรงไหนประเทศเรามีตรงไหน บินตรงมาไทยได้ตรงไหนบ้าง และจะต้องไปในพื้นที่ที่ปลอดภัย ซึ่งในวันนี้ก็มีการกำหนดพื้นที่สีส้ม เขียวเหลืองฟ้า และไม่มีจังหวัดพื้นที่สีแดงแล้ว โดยรายละเอียดจะให้โฆษกศบค.เป็นผู้ชี้แจง เนื่องจากตนอาจจะพูดผิด เนื่องจากมีหลายเรื่องในที่ประชุมพิจารณา ประชุมทีเอกสารก็เป็นปึก ตนต้องขอขอบคุณหน่วยงานด้านสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มาหารือร่วมกันและยกปัญหา ที่เกิดขึ้นมาในที่ประชุมได้ตัดสินใจร่วมกัน โดยความเห็นชอบของฝ่ายสาธารณสุข และทีมแพทย์เองก็ยอมรับ ซึ่งมีหลายอย่างที่จะชี้แจง

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าที่ประชุมไม่ได้มีการหารือว่าวันที่ 1 กรกฎาคมนี้จะมีการผลักดันให้ครูเป็นโรคประจำถิ่น โดยระบุว่า ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่พูดถึงว่ามีมาตรการ ปลดล็อคการเดินทางเข้าประเทศอย่างไร ซึ่งมีทั้งมาอยู่ในระยะเวลาที่นาน จะต้องมีอะไรบ้าง หรือมาแค่วันสองวันจะทำอย่างไร การที่จะไปเป็นโรคประจำถิ่น เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที วันนี้ก็ฟังความคิดเห็นจากต่างประเทศเช่นกัน

เมื่อถามว่าประเทศไทยมีระบบการป้องกันที่ดีแต่กลับพบการเสียชีวิตสูงขึ้นนั้นเกิดจากสาเหตุใด นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก็ต้องไปหาสาเหตุว่า เพิ่มขึ้นจากอะไรวันนี้ก็มีสาเหตุที่เขาสรุปมาแล้วแยกประเภทมาแล้ว ผู้สูงอายุหรือไม่ 608 หรือไม่ฉีดวัคซีนครบหรือไม่ ฉีดวัคซีนครบโดสหรือไม่ หรือเสียชีวิตจากโควิด หรือเปล่า หรือตายจากโรคอื่นในทำนองนี้ มีสถิติทั้งหมด ค่อนข้างละเอียด ต้นคิดว่าเราทำละเอียดกว่าหลายประเทศด้วยซ้ำ ขอให้เข้าใจด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนักเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่อง ก็ขอให้เพลาๆลงบ้าง

เมื่อถามย้ำว่าในวันที่ 1 พ.ค. จะเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบเลยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ใช่สิ วันที่ 1 นี้ไง ปรับมาจากเดิมเดือนมิถุนายน ก่อนที่จะกล่าวย้ำแบบทอดเสียงว่า ใช่ครับ ใช่ครับ ครับผม ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากรัฐมนตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังคือนายอนุทินชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสุชาติชมกลิ่นดนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมไปถึงสื่อมวลชนที่สัมภาษณ์

related