svasdssvasds

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 เพิ่มเลเวลด่านโหด เข้าข่ายล็อกสเปกหรือไม่

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 เพิ่มเลเวลด่านโหด เข้าข่ายล็อกสเปกหรือไม่

ดร. "สามารถ ราชพลสิทธิ์" โพสต์ข้อความ “ด่านโหด ! ตรวจผู้รับเหมา ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ครั้งที่ 2 ล็อกหรือไม่ ?” ชี้ อาจทำให้ รฟม. ไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดที่ควรจะได้

ผ่านไปแล้วสำหรับขั้นตอนการซื้อซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 ลำดับต่อไป การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย  หรือ รฟม. จะเปิดให้เอกชนที่สนใจ ยื่นข้อเสนอในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565

ซึ่งสาเหตุที่การประมูลต้องล่าช้า เพิ่งมีการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 ก็สืบเนื่องมาจากการประมูลครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รฟม.ได้มีการเปลี่ยนเกณฑ์ประเมินการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำให้เกิดการฟ้องร้องขึ้น

ก่อนที่ รฟม. จะประกาศล้มการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 1 เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งก็ยังมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ กระทั่งมาเปิดประมูลในครั้งใหม่นี้

แต่ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งที่ 2 ก็มีการเพิ่มเลเวลคุณสมบัติด้านงานโยธา จึงก่อให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นการเอื้อเอกชนรายใด ? และเข้าข่ายล็อกสเปกหรือไม่ ?

โดย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ด่านโหด ! ตรวจผู้รับเหมา ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ล็อกหรือไม่ ?” ดังต่อไปนี้

"บริษัทที่เสนอตัวเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก จะต้องผ่านด่านโหด ตรวจคุณสมบัติว่ามีครบหรือไม่ ? ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 หลังล้มประมูลครั้งที่ 1 และด่านนี้ที่ถูกเพิ่มดีกรีจนอาจกลายเป็นล็อกสเปกหรือไม่ ?"

บทความที่เกี่ยวข้อง

1. ย้อนดูข้อกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอ ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 1

ดร. สามารถ เล่าย้อนความเป็นมาของการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า ในเดือนกรกฎาคม 2563 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดประมูลหาเอกชนมาร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) และเดินรถตลอดสายทั้งช่วงตะวันตกและตะวันออก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.1 จะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธา “โดยมีผลงานที่แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี ครบทั้ง 3 ประเภทตามที่กำหนด” ประสบการณ์ด้านงานโยธา 3 ประเภท ได้แก่

(1) งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยหัวเจาะ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในไม่น้อยกว่า 5 เมตร มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

(2) งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดินของระบบขนส่งมวลชน มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

(3) งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่ง แบบไม่ใช้หินโรยทาง มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

1.2 ในกรณีผู้ยื่นข้อเสนอมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธาดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ แต่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ผู้ยื่นข้อเสนอสามารถนำเสนอเอกสารซึ่งแสดงคุณสมบัติทางด้านเทคนิค ประสบการณ์ ที่ได้รับการรับรองมูลค่าการเบิกจ่ายในแต่ละงานมาแสดงแทนได้

1.3 ในกรณีผู้ยื่นข้อเสนอขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธาดังกล่าว ผู้ยื่นข้อเสนอสามารถนำประสบการณ์และผลงานของผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมา) มาแสดงเพื่อประกอบการยื่นข้อเสนอได้

แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวันยื่นข้อเสนอ รฟม. ได้เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล ทำให้ถูกฟ้อง ในที่สุด รฟม. ได้ล้มประมูลเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ทำให้ต้องเปิดประมูลใหม่ ครั้งที่ 2

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 เพิ่มเลเวลด่านโหด เข้าข่ายล็อกสเปกหรือไม่ ?

2. การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 เพิ่มเลเวลด่านโหดด้านงานโยธา

ดร.สามารถ ระบุว่า ขณะนี้ รฟม. กำลังเปิดประมูลครั้งที่ 2 โดยกำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธา “โดยมีสัญญาที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐบาลไทยที่แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี ครบทั้ง 3 ประเภทตามที่กำหนด” ประสบการณ์ด้านงานโยธา 3 ประเภท มีดังนี้

(1) งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยหัวเจาะ มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

(2) งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดิน หรือสถานียกระดับของระบบขนส่งมวลชน มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

(3) งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่งพร้อมรางที่ 3 แบบไม่ใช้หินโรยทาง มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

3. ข้อสังเกตในการเปลี่ยนคุณสมบัติในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2

ดร.สามารถ ระบุว่า จากการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 พบว่าครั้งที่ 2 กำหนดคุณสมบัติที่ยากขึ้นดังนี้

(1) การประมูลครั้งที่ 2 รฟม. กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีผลงานด้านโยธาที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย ครบทั้ง 3 ประเภทตามที่กำหนด แต่การประมูลครั้งที่ 1 ไม่ได้กำหนดให้เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย เพียงแต่ระบุว่า “ถ้าเป็นผลงานและประสบการณ์ในประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ” เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ การประมูลครั้งที่ 2 จะทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอหาผู้รับเหมาที่มีผลงานด้านโยธาครบทั้ง 3 ประเภทตามที่กำหนดได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาไทยหรือผู้รับเหมาต่างชาติ อาจจะต้องใช้ผู้รับเหมา 2-3 ราย และแม้ว่าจะสามารถหาได้ ก็คงได้คะแนนด้านเทคนิคไม่ผ่านเกณฑ์ที่ถูกปรับให้สูงขึ้น

(2) การประมูลทั้ง 2 ครั้ง กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีผลงานด้านโยธาที่แล้วเสร็จ แต่การประมูลครั้งที่ 1 อนุโลมให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธาที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานและยังไม่แล้วเสร็จ สามารถนำเสนอเอกสารซึ่งแสดงคุณสมบัติทางด้านเทคนิค ประสบการณ์ ที่ได้รับการรับรองมูลค่าการเบิกจ่ายในแต่ละงานมายื่นแทนได้ ในขณะที่การประมูลครั้งที่ 2 กำหนดให้ใช้ผลงานที่แล้วเสร็จเท่านั้น ทำให้หาผู้รับเหมามาร่วมยื่นข้อเสนอได้ยาก

(3) การประมูลทั้ง 2 ครั้ง กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่ขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธาสามารถนำประสบการณ์และผลงานของผู้รับเหมามาแสดงเพื่อประกอบการยื่นข้อเสนอได้ แต่ในครั้งที่ 2 รฟม. กำหนดเพิ่มเติมจากครั้งที่ 1 ว่า “โดยผู้รับเหมาต้องเป็นนิติบุคคลไทยรายเดียว หรือกลุ่มนิติบุคคลที่มีนิติบุคคลไทยถือหุ้นรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 51%”

การกำหนดให้ “ผู้รับเหมาต้องเป็นนิติบุคคลไทยรายเดียว” นั้น ทำให้บนโลกใบนี้มีผู้รับเหมาเพียง 2 รายเท่านั้นที่มีผลงานด้านโยธาครบทั้ง 3 ประเภทตามที่กำหนด

ซึ่งทั้ง 2 รายนี้เป็นผู้รับเหมาไทย ถ้าผู้รับเหมาไทยทั้ง 2 รายนี้มีเป้าหมายแน่ชัดแล้วว่าจะร่วมยื่นข้อเสนอกับผู้เดินรถไฟฟ้ารายใดรายหนึ่ง ก็จะทำให้ผู้เดินรถไฟฟ้ารายอื่นยากที่จะหาผู้รับเหมามาร่วมงานได้ แม้ว่าจะต้องใช้ผู้รับเหมา 2-3 รายรวมกันเป็นกลุ่มนิติบุคคลเพื่อทำให้มีผลงานด้านโยธาครบทั้ง 3 ประเภทก็ตาม เนื่องจาก รฟม. กำหนดว่า “จะต้องเป็นกลุ่มนิติบุคคลที่มีนิติบุคคลไทยถือหุ้นรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 51%” ทำให้ผู้รับเหมาต่างชาติบางรายไม่สามารถร่วมยื่นข้อเสนอได้

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.

4. ใครได้ ใครเสียประโยชน์ ?

ดร.สามารถ ระบุว่า จากการที่ รฟม. เปิดขายเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชนตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ถึงวันสุดท้ายคือวันที่ 10 มิถุนายน 2565 พบว่ามีบริษัทซื้อเอกสารฯ จำนวน 14 ราย แบ่งเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า 3 ราย ผู้รับเหมา 7 ราย และผู้ผลิต (Supplier)-นักลงทุน (Investor) 4 ราย ในส่วนของผู้รับเหมานั้น แบ่งเป็นผู้รับเหมาไทย 4 ราย และผู้รับเหมาต่างชาติ 3 ราย

การที่มีบริษัทซื้อเอกสารฯ 14 รายนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้มีผู้ยื่นข้อเสนอถึง 14 ราย เนื่องจากแต่ละบริษัทมีคุณสมบัติไม่ครบ จำเป็นต้องหาบริษัทอื่นที่ซื้อเอกสารฯ มาร่วมเพื่อทำให้มีคุณสมบัติครบ เมื่อดูรายชื่อบริษัทที่ซื้อเอกสารฯ แล้ว ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าจะมีผู้ยื่นข้อเสนอดังนี้

(1) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมกับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK

(2) ผู้เดินรถไฟฟ้าจากต่างประเทศ (น่าจะเป็น Incheon Transit Corporation จากเกาหลีใต้) ร่วมกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD

ส่วนบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า ตนไม่แน่ใจว่าจะสามารถหาผู้รับเหมามาร่วมยื่นข้อเสนอได้หรือไม่ ?

และหากมีผู้ยื่นข้อเสนอน้อย และ/หรือ มีผู้ยื่นข้อเสนอที่สามารถผ่านเกณฑ์เทคนิคได้น้อย อาจทำให้ รฟม. ไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดที่ควรจะได้

รถไฟฟ้าสายสีส้ม

5. สรุป : ขอให้ผู้อ่านพิจารณา การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 เข้าข่ายล็อกสเปกหรือไม่ ?

โดย ดร.สามารถได้กล่าวว่า ตนไม่สามารถพูดได้ว่าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกครั้งที่ 2 นี้มีการล็อกสเปกหรือไม่ ? ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีที่อยากให้การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกสำเร็จลุล่วงไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ที่สำคัญ สามารถเปิดให้บริการได้ในอีกไม่นาน

สุดท้ายนี้ ดร.สามารถ ได้ระบุในหมายเหตุไว้ว่า ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ตนและประชาชนทุกคนต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

ที่มา ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte

related