เนปาลเตรียมย้ายฐานที่ตั้งนักปีนเขาเอเวอเรสต์ เหตุธารน้ำแข็งละลายเร็ว

ปัญหา Climate Change หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ เนปาล เตรียมย้าย ฐานที่ตั้งนักปีนเขา base camp ในการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ Everest ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประเทศเนปาล เตรียมย้าย ฐานที่ตั้งนักปีนเขา base camp เนื่องจาก เวลานี้บริเวณที่ตั้งของเบสแคมป์ กำลังจะเจอกับปัญหาธารน้ำแข็งละลาย โดยเวลานี้ ธารน้ำแข็ง Khumbu ที่อยู่ใกล้ๆเบสแคมป์ บางลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ มาจาก ปัญหา Climate Change หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังมีปัญหา global warming หรือ ภาวะโลกร้อนเป็นตัวเร่งอีกด้วย

โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพิ่งมีรายงานว่า ภูเขาเอเวอเรสต์ ก็เพิ่งเจอกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพราะ น้ำแข็งบนเขาเอเวอเรสต์ที่ใช้เวลา 2,000 ปีในการแข็งตัว ละลายลงในเวลาเพียง 25 ปี โดย รายงานเมื่อต้นปี 2022 ระบุว่า น้ำแข็งบนเขาเอเวอเรสต์นั้นเริ่มละลายตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1800 และเริ่มละลายอย่างเห็นได้ชัดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 ก่อนจะมาเร่งความเร็วขึ้นในช่วงต้นปี 2000

เนปาลเตรียมย้ายฐานที่ตั้งนักปีนเขา เหตุธารน้ำแข็งละลายเร็ว ซึ่งเกิดจากปัญหา Climate Change

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่วนประเด็นการย้าย ฐานที่ตั้งนักปีนเขา base camp ของประเทศเนปาลครั้งนี้ ยังมีอีก 1 ปัจจัยที่เป็นตัวเร่ง นั่นคือ ปริมาณ urine หรือ ปัสสาวะของนักปีนเขา ซึ่งมีราวๆ 1,500 คนต่อปี ที่อยู่บริเวณ เบสแคมป์เดิม มีปริมาณมากถึง 4,000 ลิตรต่อ 1 วัน ซึ่งสร้างมลภาวะเป็นอย่างมาก

สำหรับ ธารน้ำแข็ง Khumbu ที่อยู่ใกล้ๆเบสแคมป์นั้น มีความคล้ายคลึงกับหลายๆธารน้ำแข็งบนภูเขาหิมาลัย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ากำลังละลายอย่างรวดเร็ว และบางลง
.

ขณะที่ การศึกษาจากมหาวิทยาลัย ลีดส์ ในปี 2018 ระบุว่า ธารน้ำแข็งมีการละลายเป็นน้ำมากถึง 9.5 ล้านคิวบิกเมตร ต่อปี และ ในส่วนที่ใกล้ๆกับเบสแคมป์นั้น ธารน้ำแข็งบางลงถึงปีละ 1 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งทุกอย่างชี้ชัดมาว่า ตัวเร่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ นั่นคือ ปัญหา Climate Change หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ