เอกชนกังวลหาก “ตั้งรัฐบาลใหม่” ช้า เกิดสุญญากาศทางเศรษฐกิจ กระทบลงทุนใหม่

17 Jul 2023

ภาคเอกชน ออกมาแสดงท่าทีกังวล ต่อการ“ตั้งรัฐบาลใหม่” ว่าหากมีความล่าช่า จะส่งผลเกิดสุญญากาศทางเศรษฐกิจ และจะกระทบลงทุนใหม่ด้วย รวมถึงกระทบต่อความเชื่อมั่นตลาดทุน

ประชาชนยังคงเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังจากที่มติที่ประชุมร่วมรัฐสภาโหวตรอบแรกไม่เห็นชอบให้ นาย‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยได้เสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง 375เสียงของรัฐสภา โดยเห็นชอบ 324 เสียงไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง และจะมีการโหวตรอบสองในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ทั้งนี้ภาคเอกชน ต่างมีความเห็นว่าหากไม่เห็นชอบจริงอีกหนึ่งรอบ ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไปอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หอการค้า ชี้ นักลงทุนรอความชัดเจนตั้งรัฐ

โดยนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากครม.ชุดใหม่ล่าช้าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนใหม่ๆที่จะเข้ามาจากต่างประเทศเพราะนักลงทุนจะต้องรอดูความชัดเจนในเรื่องของนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภาว่าจะบริหารประเทศในทิศทางใด

นอกจากนั้นการตั้งรัฐบาลล่าช้ายังมีผลต่องบประมาณที่ยังไม่ออกมา โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของงบลงทุนเพราะรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณในส่วนนี้ได้ โดยการทำงานของรัฐบาลรักษาการนั้นยังทำงานอยู่ตามกฎหมายจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่แต่หากต้องขออนุมัติอะไรต้องส่งเรื่องไปยังกกต. หากสถานการณ์ทางการเมืองบานปลายจนเกิดการชุมนุมจะ มองว่าจะกระทบกับบรรยากาศการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆลำบากขึ้น และหากมีการชุมนุมก็คงต้องขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายและอยู่ในกรอบของกฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมและการใช้สิทธิ์การชุมนุมโดยสงบตามที่กฎหมายกำหนด

ด้านดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB EIC เปิดเผยว่า คาดการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งจะทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2567 ล่าช้าออกไปราว 3-4 เดือน ส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายรัฐไม่มากนัก เนื่องจากยังสามารถใช้งบประมาณเดิมได้อยู่ทั้งนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่การจัดตั้งรัฐบาลจะล่าช้าไปถึงเดือน ต.ค. จะทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2567 ล่าช้ามากถึง 6 เดือน จะกระทบกับการเบิกจ่ายรัฐ

ขณะที่นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่าการที่รัฐบาลตั้งช้า อาจทำให้เกิดสุญญากาศทางเศรษฐกิจ และยิ่งเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหา และเกิดภาวะถดถอย ยิ่งอาจทำให้ไทยได้รับผลกระทบ

นักลงทุนจับตาการเมืองไทยใกล้ชิด

ด้านนายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ประมาณ 137,000 ล้านบาท แต่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าและยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนเทขายไปแล้วกว่า 82,000 ล้านบาท ประกอบกับส่วนเพิ่มของผลตอบแทนเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หรือ Risk Premium ตราสารไทยเพิ่มขึ้น ทั้งที่อันดับความน่าเชื่อและอัตราผิดนัดชำระต่ำ