svasdssvasds

เศรษฐกิจไทย บนความเสี่ยง เอลนีโญ อาหารแพง เงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนพุ่ง !

เศรษฐกิจไทย บนความเสี่ยง เอลนีโญ  อาหารแพง เงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนพุ่ง !

เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายเรื่อง เช่น เอลนีโญ อาหารแพง ค่าแรงขึ้นดันเงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนพุ่ง ! ดังนั้นประชาชน และภาคธุรกิจ ต้องรู้ไว้ และเตรียมตัวรับมือให้ดี

ย่างก้าวเข้าสู่ช่วงปลายปี2566 เข้ามาทุกที แน่นอนว่าเศรษฐกิจ ปากท้องผู้คนก็ต้องเดินต่อไปอย่างหลีกหนีไม่ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดี หรือไม่ดี เพราะคนเราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป แต่…ความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจไทย ล่าสุด ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวภายในสัมมนา “กรุงเทพธุรกิจ” Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี2566 ยังคงเติบโตดี และการบริโภคในประเทศก็ยังขยายตัวต่อเนื่อง มีสัดส่วน 7.8% สูงสุดในรอบ 20 ปี รวมถึงการท่องเที่ยวที่คาดว่าปี 2566 ตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19.5 ล้านคน หรือมีนักท่องเที่ยวกลับมาประมาณ 60 -70 % หากเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด

เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงมากมาย

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำที่ในอนาคตจะมีผลทำให้เงินเฟ้อ และข้าวของในท้องตลาดราคาสูงขึ้น รวมถึงเรื่องของราคาน้ำมันที่อาจมีความผันผวนจะกระทบต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงจะทำให้ราคาสินค้าในท้องตลาดปรับขึ้นอีก หากน้ำมันแพงขึ้น ในส่วนของเสถียรภาพหนี้ครัวเรือนสูง 90.7% ของจีดีพี ยอดหนี้ NPL อยู่ที่ 2.6% นับว่าน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นห่วงคือ ศักยภาพเศรษฐกิจของไทย เพราะยังมีปัญหาเรื้อรังโดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเน้นเรื่องการใช้เงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่จุดอ่อนไหวทำให้เกิดปัญหา คือ ปัญหาแรงงาน บุคลากร หนี้ครัวเรือน การศึกษา จึงต้องหันมาดูแลปัญหาเหล่านี้ให้มากขึ้น

ทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต

สำหรับประเด็นค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าในขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 37 บาทต่อดอลลาสหรัฐฯ ซึ่งอ่อนค่าขึ้นถึงร้อยละ 9 จากช่วงที่ผ่านมา โดยมองว่าเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งค่าเงินดอลลาสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาทองคำโลกปรับตัวลดลง แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีภูมิคุ้มกันที่น่าพอใจ ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์สูง จึงยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทในขณะนี้ เพราะจะเป็นการฝืนกลไกตลาด

ทางด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวปี 2566 มีโอกาสแตะ 25 – 30 ล้านคน ซึ่ง 5 อันแรกที่มาไทยมากสุด คือ

  • มาเลเซีย กว่า 2 ล้านคน
  • จีน กว่า 2 ล้านคน
  • เกาหลีใต้ กว่า 1 ล้านคน
  • อินเดีย กว่า 1 ล้านคน
  • รัสเซีย

ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ AOT ชี้ว่า นโยบายฟรีวีซ่าจีนจะช่วยผลักดันให้ยอดนักท่องเที่ยวพุ่ง พร้อมให้ incentive สายการบินขนนักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่ม และเดินหน้าลุยพัฒนาสนามบิน พัฒนาระบบอำนวยความสะดวก ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขีดความสามารถเพิ่มศักยภาพสนามบินทั้ง 6 แห่งรองรับนักท่องเที่ยวต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related