SHORT CUT
รัฐบาลทรัมป์เพิกถอนสิทธิ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ พร้อมบีบให้นักศึกษาที่กำลังเรียนต้องหามหาวิทยาลัยใหม่ ไม่เช่นนั้นเสี่ยงถูกถอนวีซ่าทันที
คริสตี โนม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า รัฐบาลได้เพิกถอนใบรับรองโครงการ Student and Exchange Visitor Program (SEVP) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมขอให้สิ่งนี้เป็นคำเตือนต่อมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
รัฐบาลแจ้งนักเรียนต่างชาติของฮาร์วาร์ดที่มีอยู่ประมาณ 6,800 คน ว่า จะต้องย้ายไปเรียนในมหาวิทยาลัยอื่น ไม่อย่างนั้นจะเสียสิทธิ์ทางกฎหมายในการพำนักอยู่ในสหรัฐฯ
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที ระบุว่า คำสั่งนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นการล้างแค้นทางการเมือง โดยเตือนว่ามาตรการนี้จะก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อชุมชนของฮาร์วาร์ดและประเทศสหรัฐฯ โดยรวม
นี่ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้เรียกร้องให้ฮาร์วาร์ดเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ้างงาน การรับนักศึกษา และแนวทางการสอน เพื่อแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย พร้อมขู่ว่าจะเพิกถอนสถานะยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัย และระงับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อต้นปี มหาวิทยาลัยแจ้งว่าได้ดำเนินมาตรการมากมายเพื่อจัดการกับปัญหาการต่อต้านชาวยิวแล้ว และระบุว่าข้อเรียกร้องของรัฐบาลเป็นความพยายามในการควบคุมมหาวิทยาลัย
ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แช่แข็งเงินทุนจากรัฐบาลกลางที่เคยมอบให้ฮาร์วาร์ดรวมมูลค่าราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับตัดงบสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก 60 ล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่าฮาร์วาร์ดเพิกเฉยต่อการจัดการปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและลัทธิต่อต้านชาวยิว
โนเอม เคยกล่าวหาฮาร์วาร์ดว่า ปล่อยให้สภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัยไม่ปลอดภัย เป็นปฏิปักษ์ต่อชาวยิว สนับสนุนกลุ่มฮามาส และใช้แนวทางนโยบาย ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วมที่เหยียดเชื้อชาติ
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยืนยันว่าทางสถาบันมีความมุ่งมั่นในการต่อต้านลัทธิต่อต้านยิว และพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนชาวยิวและชาวอิสราเอล
ปีการศึกษา 2024–2025 ฮาร์วาร์ดมีนักศึกษาต่างชาติราว 6,800 คน หรือคิดเป็น 27% ของนักเรียนทั้งหมด โดยกลุ่มใหญ่ที่สุด ได้แก่ นักศึกษาชาวจีน แคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ
สมาคม NAFSA ระบุว่า นักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ดสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้ท้องถิ่นอย่างมหาศาล ในปี 2023–2024 เพียงปีเดียว พวกเขามีการใช้จ่ายรวมทั้งค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าดำรงชีวิต รวมกว่า 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วยสร้างงานกว่า 3,900 ตำแหน่งในพื้นที่
ขณะที่ แอรอน ไรช์ลิน-เมลนิค นักวิเคราะห์จาก American Immigration Council วิจารณ์ว่านโยบายนี้ เหมือนเป็นการลงโทษนักเรียนต่างชาติที่บริสุทธิ์นับพันคน โดยที่ไม่มีความผิดใดๆ พร้อมระบุว่านักเรียนเหล่านี้ถูกใช้เป็นตัวประกันทางการเมือง
มาตรการดังกล่าวจะมีผลในปีการศึกษา 2025–2026 โดยนักศึกษารุ่นปี 2025 ของฮาร์วาร์ดคาดว่าจะสำเร็จการศึกษาในสัปดาห์หน้า ส่วนนักเรียนที่ยังไม่จบการศึกษาจะต้องย้ายไปเรียนที่สถาบันอื่น มิฉะนั้นจะสูญเสียสิทธิ์ทางกฎหมายในการพำนักอยู่ในสหรัฐฯ
ส่วนนักเรียนที่ได้รับการตอบรับเข้าเรียนในภาคฤดูใบไม้ร่วง จะไม่สามารถเข้าเรียนได้ เว้นแต่รัฐบาลจะเปลี่ยนการตัดสินใจ หรือศาลมีคำสั่งแทรกแซง