svasdssvasds

“อัลคาทราซ” เรือนจำโหดในตำนานที่ทรัมป์อยากเปิดใหม่อีกครั้ง

อัลคาทราซ เรือนจำบนเกาะกลางทะเลชื่อดังของอเมริกา ที่ครั้งหนึ่งเคยคุมเจ้าพ่อมาเฟีย "อัล คาโปน" ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้เปิดใหม่อีกครั้ง

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย Truth Social เสนอให้เปิด "อัลคาทราซ" (Alcatraz) เรือนจำเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางอ่าวซานฟรานซิสโกอีกครั้ง พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายและสร้างเรือนจำกลางบนเกาะแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเป็น "สัญลักษณ์แห่งกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และความยุติธรรม"

"The Rock" เกาะแห่งการกักขัง

อัลคาทราซ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "The Rock" ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งซานฟรานซิสโกไปทางตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนที่จะกลายเป็นเรือนจำกลางในปี 1934 เกาะแห่งนี้เคยเป็นป้อมปราการทางทหารมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ต่อมาถูกใช้เป็นเรือนจำทหาร ก่อนที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาจะเข้ามาดูแล  

อัลคาทราซถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมอาชญากรที่มีความเสี่ยงสูงและมีพฤติกรรมก่อปัญหาในเรือนจำอื่นๆ 1 หนึ่งในนักโทษที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "อัล คาโปน" (Al Capone) เจ้าพ่อมาเฟียแห่งองค์กรอาชญากรรม "ก๊วนชิคาโก" ผู้ทรงอิทธิพลในยุค Prohibition 2  

ด้วยสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยว และกระแสน้ำที่รุนแรง รวมถึงน้ำทะเลในอ่าวซานฟรานซิสโกที่เย็นจัด ทำให้การหลบหนีจากอัลคาทราซเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่เปิดทำการ มีความพยายามในการหลบหนีทั้งหมด 14 ครั้ง โดยมีนักโทษเข้าร่วม 36 คน ในจำนวนนี้ 23 คนถูกจับกลับมาได้ 6 คนถูกยิงเสียชีวิต 2 คนจมน้ำ และ 5 คนหายสาบสูญ ซึ่งเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว

ตำนานการหลบหนีที่ยังคงเป็นปริศนา

หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดคือการหลบหนีในปี 1962 โดย แฟรงก์ มอร์ริส (Frank Morris) และพี่น้อง แองกลิน (Anglin brothers) พวกเขาใช้ช้อนขุดกำแพงห้องขัง และทำหุ่นหัวคนจำลองจากกระดาษและเส้นผมจริง เพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ในระหว่างการตรวจนับ ก่อนที่จะหลบหนีออกไปทางช่องระบายอากาศ และไม่เคยมีใครพบพวกเขาอีกเลย แม้จะมีการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง แต่ชะตากรรมของพวกเขายังคงเป็นปริศนา เหตุการณ์นี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังเรื่อง "Escape from Alcatraz" ในปี 1979

ปิดตำนาน "The Rock" สู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง

อัลคาทราซปิดตัวลงในปี 1963 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงกว่าเรือนจำอื่นๆ ถึง 3 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการขนส่งอาหาร น้ำจืด และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ไปยังเกาะ นอกจากนี้ โครงสร้างอาคารยังเริ่มเสื่อมสภาพจากการกัดกร่อนของน้ำทะเล ทำให้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซม  

หลังจากปิดตัวลง อัลคาทราซถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี จนกระทั่งในปี 1972 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขตอุทยานแห่งชาติ Golden Gate National Recreation Area และเปิดให้ประชาชนเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยวในปี 1973 ปัจจุบัน อัลคาทราซดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 1.6 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้มากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับเมืองซานฟรานซิสโก  

เสียงคัดค้านดังระงมต่อแนวคิด คืนชีพอัลคาทราซ

การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของทรัมป์ในการเสนอให้เปิดอัลคาทราซอีกครั้ง ได้จุดประกายเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย มองว่าข้อเสนอนี้เป็นเรื่องที่ไม่จริงจัง เนื่องจากปัจจุบันอัลคาทราซเป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความนิยมอย่างมาก  

สก็อตต์ ไวเนอร์ (Scott Wiener) วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้สัมภาษณ์ว่าแนวคิดนี้ "ไร้สาระ" และมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวในนโยบายที่แท้จริง  

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคืนก่อนที่ทรัมป์จะโพสต์ข้อความดังกล่าว มีการฉายภาพยนตร์เรื่อง "Escape from Alcatraz" ทางสถานีโทรทัศน์ PBS ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการโพสต์ของทรัมป์อย่างน่าประหลาด

related