อินโดนีเซียจ่อผุด "กาสิโนเฉพาะชาวต่างชาติ" หวังเพิ่มรายได้รัฐ
อินโดนีเซียวางแผนเปิดกาสิโนเฉพาะชาวต่างชาติ ตามรอยความสำเร็จของมาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หวังเพิ่มรายได้ภาษีให้แก่รัฐบาล
อินโดนีเซียกำลังพิจารณาแนวทางเปิดกาสิโนเฉพาะชาวต่างชาติ ตามรอยความสำเร็จของมาเลเซียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แนวคิดนี้กำลังได้รับความสนใจในวงกว้าง โดยมุ่งเน้นการสร้างแหล่งกาสิโนเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น เกาะบาตัมและเกาะบาหลี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถ “เลี่ยงข้อห้ามการพนัน” ตามกฎหมายระดับชาติที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ผ่านการออกกฎหมายเฉพาะในเขตเศรษฐกิจ
ป้องกันผลกระทบทางสังคม - เปิดเฉพาะชาวต่างชาติ
ดร.วิดยา รามาดาน นักวิชาการจาก STIE Ekuitas แสดงความเห็นว่า กาสิโนควรเปิดเฉพาะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น โดยเฉพาะไม่ควรให้ชาวบ้านในพื้นที่รายได้น้อยเข้าถึงได้ เพื่อป้องกันปัญหาการพนันที่อาจลุกลามในระดับชุมชน
ในขณะเดียวกัน ข้อเสนอนี้ยังถูกมองว่าเป็นวิธีลดแรงต่อต้านจากประชาชนกลุ่มที่กังวลเรื่องผลกระทบทางสังคม เช่น ปัญหาการติดพนันและอาชญากรรมที่อาจเพิ่มขึ้น หากเปิดให้คนในประเทศเข้าร่วมได้
ดึงดูดรายได้ตามรอยมาเลเซีย – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อินโดนีเซียอาจได้รับแรงบันดาลใจจากมาเลเซียที่มี Resorts World Genting ทำรายได้สูงถึง 2.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ขณะที่อินโดนีเซียเองกำลังเผชิญกับปัญหางบประมาณขาดดุลอย่างรุนแรง รายได้ภาษีจากกาสิโนจึงเป็นทางเลือกที่ดึงดูด
ส.ส.กาลิห์ การ์ตาซาสมิตา ยังกล่าวว่า หากประเทศมุสลิมอย่าง UAE สามารถเปิดกาสิโนได้ อินโดนีเซียก็ควรพิจารณาเช่นกัน โดยยืนยันว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประเด็นศาสนาหรือศีลธรรม
ในอดีตเคยใช้การพนัน พัฒนาเมือง
ข้อเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับอินโดนีเซีย เนื่องจากในช่วงทศวรรษ 1960 ผู้ว่าฯ จาการ์ตา “อาลี ซาดิกิน” เคยทำให้การพนันถูกกฎหมายเพื่อหารายได้สร้างโครงสร้างพื้นฐาน แม้ภายหลังมาตรการจะถูกยกเลิก แต่ก็เป็นบทเรียนที่สะท้อนว่าภาษีจากการพนันเคยช่วยพัฒนาเมืองได้จริง
สร้างสมดุลเศรษฐกิจ-วัฒนธรรม
รัฐบาลอินโดนีเซียยังคงต้องเผชิญความท้าทายในการหาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาค่านิยมทางสังคมและกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการออกกฎหมายกาสิโนฉบับใหม่
อย่างไรก็ตาม หากสามารถวางกรอบชัดเจนและกำกับดูแลอย่างรัดกุม แนวทางนี้อาจกลายเป็นทางรอดใหม่ของเศรษฐกิจอินโดนีเซียในยุคหลังโควิด
ที่มา : Posttoday
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
