svasdssvasds

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

ในวงเสวนา ว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจรของไทย (Thai Entertainment Complex Roundtable – TECR) ที่จัดโดย Inside Asian Gaming ตอบคำถามหลายข้อที่ว่า ไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ?

Entertainment Complex โอกาสทองไทย ดึงดูดเงินลงทุน 6 แสนล้านบาท 

การประชุมเสวนาว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจรของไทย (Thai Entertainment Complex Roundtable – TECR) ที่จัดโดย Inside Asian Gaming (IAG) เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 (ช่วงเช้า) นายจอร์จ ชอย หัวหน้าวิจัยเกมระดับโลก Citi Research เผยว่า การมี Entertainment Complex คือ การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

และหากประเทศไทยมีศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ในประเทศไทย 5 แห่ง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต เป็นต้น จะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนกว่า 1.88 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6 แสนล้านบาท

“แม้ว่าร่างกฎหมายของไทยจะคาดการณ์เม็ดเงินเข้ามาลงทุนไว้ประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่เราประเมินว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนสูงกว่านั้น ทำเลทองอย่างกรุงเทพ จะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.95 แสนล้านบาท ส่วนภูเก็ต และเชียงใหม่ อาจเห็นการเข้ามาลงทุนกว่า  1,400 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท”  นายจอร์จ ชอย กล่าว

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ นายจอร์จระบุว่า หากไทยมี Entertainment Complex รัฐบาลจะมีแหล่งรายได้ใหม่จาก “ภาษีการเล่นเกม” โดยคาดว่าจะเก็บได้ 17% ของรายได้รวม ประมาณการว่ารัฐจะสร้างรายได้ประมาณ 1.55 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือราว 5 หมื่นล้านบาท เทียบเท่ารายได้สรรพสามิตที่รัฐเก็บได้ในปีงบประมาณ 2566-2567

ส่วนความกังวลที่ว่าไทยจะรับมือกับการพนันผิดกฎหมายอย่างไร นายจอร์จให้ความเห็นว่า การทำให้เกมมิ่งถูกกฎหมายและควบคุมอย่างเข้มงวดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับการพนันผิดกฎหมาย โดยชี้ว่าใคร ๆ ก็อยากเล่นพนันถูกกฎหมาย เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งมีรายได้จากการพนันผิดกฎหมายเพียง 74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด

 

สร้างความโปร่งใส หนุนความร่วมมือระหว่างรัฐ-ผู้ประกอบการ-ประชาชน

ด้านนายจอร์จ ธนาสวิช อดีตประธานและ CEO Marina Bay Sands กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระดับโลก Las Vegas Sands ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างรัฐและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในภูมิภาคเอเชีย

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

โดยยกกรณีสถาบันเทิงครบวงจรของสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มต้นทำมาตั้งแต่ปี 2548 ในช่วงเริ่มฟักไข่ รัฐบาล เอกชน รวมถึงประชาชน หารือร่วมกันอย่างเปิดกว้าง รัฐเปิดพื้นที่ให้เกิดการแลกเปลี่ยน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เกิดความพึงพอใจร่วมกัน

อธิบายอย่างเป็นรูปธรรมคือ ช่วงที่สิงคโปร์เริ่มสร้าง Marina Bay Sands ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อหารือ ตั้งแต่การคัดเลือกสถานที่ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมถึงพิจารณาถึงกฎหมายและกฎระเบียบสำคัญ

ในกรณีของไทย นายจอร์จมองว่า ต้องพูดคุยถึงปัญหากันอย่างจริงจัง เช่น ปัญหาติดการพนัน ในด้านอื่น ๆ ที่มีปัจจัยหลายข้อที่เหมาะสมอยู่แล้ว เช่น การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน ชื่อเสียงด้านสิ่งบันเทิง รีสอร์ต สิ่งสำคัญคือ ต้องมีกฎระเบียบ รวมถึงการมีอัตราภาษี ซึ่งทุกอย่างควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้เกิดความแน่ใจก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

S’Pore Entertainment Complex เคยถูกผู้นำ-ประชาชนค้าน

เลา ก๊ก กิง หัวหน้าฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญา กีฬา และเกมส์จาก Rajah & Tann Singapore ชี้ให้เห็นถึงมุมคิดสำคัญที่ว่า ยานพาหนะ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ รวมถึงสถานบันเทิงครบวงจร เหล่านี้ล้วนอาจสร้างผลประโยชน์และผลเสียได้หลายด้าน เช่น พฤติกรรม เศรษฐกิจ หรือสังคม ฯลฯ

แต่วิธีแก้ของสิงคโปร์คือ ไม่สั่งห้ามแต่ใช้วิธีแก้กฎหมาย ในกรณีของสถานบันเทิงครบวงจรนั้นสิงคโปร์แก้กฎหมายเรื่องการเล่นการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงมาตรการ กฎหมายรองรับที่เข้มงวด เพื่อมั่นใจว่าจะสามารถดูแลผลกระทบเชิงลบทุกข้อที่เกิดจากการเล่นพนันและการฟอกเงินได้

แน่นอนว่าปัญการพนันเป็นเรื่องที่ชาวสิงคโปร์กังวล รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงโปค์ “ลี กวน ยู” ซึ่งเคยประกาศลั่นเอาไว้ถึงโปรเจกต์สร้างกาสิโน โดยมองว่าจะส่งผลต่อพฤติกรรม คนอาจติดการพนันเพิ่มขึ้น

ก่อนที่จะแก้กฎหมาย สิงคโปร์ทำประชามติ 6 เดือน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับองค์กรทางศาสนา ภาคประชาสังคม NGO นักวิชาการ รวมถึงประชาชนทั่วไป รวมถึงได้รับเอกสารทางออนไลน์อีกกว่า 700 ฉบับ จากนั้น มีการอภิปรายในสภาอย่างเข้มข้นในเดือนมีนาคม-เมษายน 2548 จากนั้น สิงคโปร์ก็เข้าสู่กระบวนการร่างกฎหมาย บทลงโทษต่าง ๆ  รวมไปถึงเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ในสถานบันเทิงครบวงจร

ในปี 2010 กาสิโนแห่งแรกของสิงคโปร์ก็เกิดขึ้น และเพียง 1 ปีให้หลัง สิงคโปร์มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 11.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% สร้างรายได้ให้สิงคโปร์ 9,000 ล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ และในปี 2012 สถานบันเทิงครบวงจรมีการจ้างพนักงานกว่า 22,000 คน

 

ฟังความเห็นผู้ประกอบการสถานบันเทิงครบวงจรระดับโลก 3 บริษัท

ในช่วงบ่ายวงเสวนายังคำดำเนินไปต่อเนื่อง โดยได้ผู้ประกอบด้าน Entertainment Complex มาแลกเปลี่ยนด้วยกัน 3 บริษัท ได้แก่ Wynn Resorts Development , Melco Resorts & Entertainment Limited และ Galaxy Entertainment Group 

นายคริสโตเฟอร์ เอ็ม กอร์ดอน ประธาน Wynn Resorts Development กล่าวตอนหนึ่งว่า บริษัทเขาจะมาทำธุรกิจที่ประเทศไทยเมื่อมีกฎระเบียบที่เข้มงวด เพราะต้องการความมั่นใจในการลงทุน เช่น การต่อต้านการฟอกเงิน ส่วนตัวเชื่อว่าไทยจะทำเรื่องนี้เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญ

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

นายคริสโตเฟอร์เชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาที่เพิ่มขึ้น มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หากมีสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งมาเล่นกาสิโนและทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย โดยที่ไม่แย่งนักท่องเที่ยวจากธุรกิจอื่นที่มีอยู่แล้ว 

ส่วนข้อกังวลที่ว่าเมื่อเปิด Entertainment Complex (EC) แล้วธุรกิจเดินในย่านนั้นจะได้รับผลกระทบ เชื่อว่า ร้านอาหารที่อยู่ข้างๆ EC จะได้รับประโยชน์ ธุรกิจเล็ก รถลิมูซีน ก็จะได้รับประโยชน์ด้วย

ด้านนายเจฟฟรีย์ สจ๊วร์ต เดวิส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้าฝ่ายการเงิน Melco Resorts & Entertainment Limited เสริมประเด็นเมื่อสักครู่ว่า ควรมีโครงสร้างกำกับดูแลกาสิโนที่เข้มงวด โดยเฉพาะการป้องกันการฟอกเงิน เหมือนกับทุกประเทศที่เราไปลงทุน เราสนับสนุนมาตรการการฟอกเงินเพราะเป็นผลดีกับบริษัทเราและลูกค้าของเรา ซึ่งเราพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ การแก้ปัญหาด้านสังคม เราสนับสนันการป้องกันคุ้มครอง 

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

เจฟฟรีย์ อธิบายว่า ถ้าคุณเป็นคนฟอกเงินคุณคงไม่กล้าโผล่หน้าเข้ามาในนี้แน่นอน เพราะทั้งการตรวจสอบ เทคโนโลยี จับตากิจกรรมที่น่าสงสัย "เป็นนรกของคนที่คิดจะทำผิดกฎหมาย" แต่ถ้าไม่มีการกำกับดูแลให้ดีจะเกิดกิจกรรมพวกนี้แน่นอน

เพราะมีการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบคนที่เข้ามาใช้บริการทำให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ เช่น ระบบ KYC ทำระบบดาต้าเบสต่างๆ ดูการจับตาอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการตรวจสอบได้ง่ายขึ้น รวมทั้งใช้ AI กล้อง AI เพื่อทำให้การตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น

อีกหนึ่งท่านคือ นายเควิน เคลย์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ (ประเทศไทย) Galaxy Entertainment Group "ไม่ใช่แค่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เป็นการนำท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูงเข้ามา มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะเราไม่ได้ดูแค่ปริมาณแต่เราดูเรื่องของคุณภาพและมีค่านิยมที่ถูกต้องด้วย คือต้องการให้เขาใช้เวลาอยู่ในประเทศนานขึ้นด้วยนั่นคือเป้าหมายของสถานบันเทิงครบวงจร"

สรุปเสวนา สถานบันเทิงครบวงจรของไทย (TECR) โอกาสครั้งสำคัญที่ควรคว้าไว้ ?

เขากล่าวว่าไม่แปลกใจที่รัฐบาลไทยยังไม่รายละเอียดต่าง ๆ มากนัก แต่เสนอว่าควรนำเอากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคนที่สนับสนุน ต่อต้าน ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ประกอบการมารวมกันและร่วมกันกำหนดรายละเอียด แต่ละข้อต้องวิจัย หาข้อมูลเพื่อนำมาเสนอ แต่ไม่ควรมาโจมตีรัฐบาลไทยในตอนนี้ ส่วนฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านของเขา

เควิน เคลย์ตัน อธิบายถึงการตัดสินใจจะเข้ามาลงทุนด้วยว่า เราดูว่ามีมาตรการอะไรบ้างไหม คนพอใจหรือไม่พอใจ เพราะทุกอย่างจะมีผลกับแบรนด์ของเราและทุกแบรนด์ก็เช่นกันที่ต้องสืบค้นข้อมูลทำวิจัยว่าเขาพอใจแบรนด์เราหรือไม่

ดังนั้นความสำเร็จในอุตสาหกรรมของเราจึงเปลี่ยนไปตลอดเวลา จึงไม่ใช่แค่การลงทุน 5-8 พันล้านเหรียญแล้วก็จบไปเหมือนในสิงคโปร์ เพราะเราจะต้องลงทุนอยู่ตลอดเวลาในการทำสิ่งใหม่ๆ และต้องตรวจสอบตลาดตลอดเวลา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related