ชวนทำความเข้าใจ การเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบทำยังไง กาสิโนยุคใหม่ก้าวล้ำไปถึงไหนแล้ว ผู้ประกอบการมีวิธีรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เล่นยังไง
“เราต้องการให้คนสนุกกับกาสิโน แต่ไม่ใช่จนชีวิตพัง ดังนั้น สิ่งที่ต้องสร้างคือ การเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบ”
นี่คือคำกล่าวของ แอนดรูว์ ดับเบิลยู สก็อต (Andrew W Scott) รองประธานและซีอีโอ Inside Asian Gaming เขาคือผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเกมส์ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยประสบการณ์มากกว่า 39 ปี
แอนดรูว์ มีประสบการณ์และได้เห็นการเกิดขึ้นของ Entertainment Complex รวมถึงกาสิโนในประเทศต่าง ๆ มาแล้ว 7 ครั้ง ไล่มาตั้งแต่ออสเตรเลียและสหรัฐฯ ในยุค 90s มาเก๊าช่วงต้น 2000, สิงคโปร์ในช่วง 2004–2010, ฟิลิปปินส์ในช่วงกลางปี 2010s และญี่ปุ่นในช่วงปลายปี 2020
ท่ามกลางเสียงที่หลากหลายในสังคมไทยต่อกรณี “กาสิโน” ว่าควรถูกจัดรวมอยู่ใน Entertainment Complex หรือไม่ เพราะหลายคนกังวลว่าจะเป็นฮับฟอกเงิน-ทุนสีเทา เศรษฐกิจสังคมไทยต้องมีกาสิโนจริงหรือ แอนดรูว์แชร์มุมมองว่า
“ประเทศไทยมีร้านอาหาร โรงแรม สนามกีฬา รวมถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ต ดีอยู่แล้ว สถานบันเทิงครบวงจรจะช่วยยกระดับมาตรฐานนี้ให้สูงขึ้นอีก หลายคนอาจสงสัยว่าก็หาวิธีอื่นสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีกาสิโน ผมมองว่าถ้าไม่มีกาสิโน อาจไม่มีเม็ดเงินลงทุนที่จะขับเคลื่อนภาคส่วนอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้”
SPRiNG ชวนทำความเข้าใจ การเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบทำยังไง กาสิโนยุคใหม่ก้าวล้ำไปถึงไหนแล้ว ที่สำคัญผู้ประกอบการมีวิธีรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เล่นยังไง และปมเงื่อนใดที่ไทยต้องคุยกันให้เคลียร์
ในคำถามเดียวกัน สังคม หรือเศรษฐกิจของไทย จำเป็นต้องพึ่งพากาสิโนหรือไม่ ถ้าสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ไม่มีกาสิโน จะไม่สามารถดึงดูดคนได้เลยหรือ นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 68 ว่า
“มันคือเรื่องธุรกิจ ถ้าตัดกาสิโนออกไปจาก Entertainment Complex การลงทุนบางประเภทก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราขอให้เอกชนมาลงทุน 3-4 หมื่นล้าน เพื่อทำอินดอร์สเตเดียม ขนาด 70,000 ที่นั่ง คำถามคือ เขาจะคืนทุนได้อย่างไร ฉะนั้น มันจึงต้องรวมเข้าด้วยกัน business model ไม่ใช่เรื่องใหม่ ต่างประเทศทำกันเป็นเรื่องปกติ”
ถ้าเป็นเช่นนั้น กาสิโนก็จะเกิดขึ้นแน่แท้แล้ว แต่ประเด็นเงื่อนไขที่ว่าชาวไทยที่จะเข้าไปเล่นการพนันต้องมีเงินฝากประจำ จำนวน 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ควรได้รับการแก้ไขหรือไม่
วานนี้ (5 มิ.ย. 68) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า
“สิ่งที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องจับตามอง คือ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการให้คนไทยเข้าไปเล่นการพนัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยการปรับแก้ของคณะกรรมการกฤษฎีกาจากการมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำจำนวน 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือไม่ เพราะทำให้คนที่จะเข้าไปเล่นน้อย ซึ่งไม่ตอบโจทย์การนำสิ่งผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน”
ณ เวลานี้ สังคมไทยอยู่ในช่วงถกเถียงถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในประเทศที่วางแผนจะก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจร อย่างไรก็ดี นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ รัฐบาลเหลือระยะเวลา 2 ปี ถ้าเป็นไปได้จะเร่งเสนอกฎหมายให้ผ่านในอายุรัฐบาลนี้ และพร้อมถกเถียงในกระบวนการรัฐสภา ซึ่งคาดว่าใช้เวลาเป็นปี เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีความซับซ้อน
ในอดีต ภาพลักษณ์ของกาสิโนอาจถูกมองว่าเป็นแหล่งมั่วสุม เป็นสถานที่ซึ่งทำลายเม็ดเงิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงอาการเสพติดการพนัน หลังจากล้มลุกคลุกคลานกันมา อุตสาหกรรมนี้เรียนรู้ร่วมกันว่า การเล่นพนันในท่าทีที่เกิดผลกระทบน้อยที่สุดคือต้องมี “ความรับผิดชอบ” หรือ Responsible Gaming
“คำว่า Responsible Gaming หมายถึง การมีมุมมองที่รับผิดชอบต่อลูกค้าในอุตสาหกรรมกาสิโน เมื่อก่อนการเล่นพนันเปิดกว้างมาก ใครอยากเล่นเท่าไหร่ก็ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ประกอบการกาสิโนเริ่มตระหนักว่า การที่ผู้เล่นบางคนเกิดปัญหาขึ้นจากการพนันนั้น ไม่เป็นผลดีทั้งต่อลูกค้าและต่อธุรกิจเอง”
“เพราะถ้าไม่มีการควบคุมดูแลอย่างมีความรับผิดชอบ อีกมุมหนึ่ง การพนันสามารถก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมและส่วนบุคคลได้ ไม่ต่างจากการดื่มแอลกอฮอล์เลย”
“ลองนึกถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูสิครับ ถ้าคุณเป็นผู้จำหน่ายเบียร์หรือวิสกี้ แล้วผู้บริโภคมีปัญหาจากผลิตภัณฑ์ของคุณ มันก็สะท้อนกลับมาที่แบรนด์คุณ ดังนั้น พวกเขาก็จะส่งเสริมให้ดื่มอย่างมีสติ ในวงการกาสิโนก็เช่นเดียวกัน”
“เราต้องการเห็นลูกค้ามีความสุข สนุกกับการเล่น แต่อยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการเงิน ความสัมพันธ์ หรือสุขภาพจิต เป็นรูปแบบของความบันเทิงที่ควบคุมได้ นี่คือสาระสำคัญของการเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบ”
สิงคโปร์ คือตัวอย่างของประเทศที่สามารถใช้ Entertainment Complex ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แลนด์มาร์คที่ใครหลายคนรู้จักก็คือ มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sand)
คงไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ว่า มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประกอบไปด้วยสิ่งบันเทิงอะไรบ้าง รวมถึงว่าสามารถสร้างเม็ดเงินให้สิงคโปร์ได้มหาศาลแค่ไหน แต่แอนดรูว์ชวนมองวิธีการเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบของสิงคโปร์ ไทยในฐานะประเทศที่อุตสาหกรรมกาสิโนยังเป็นเรื่องใหม่ จะได้เรียนรู้่และจดการบ้านได้
“สิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะใช้แนวทางหลายด้าน ไม่ได้แข็งทื่อแค่แนวทางเดียว เช่น การเก็บค่าเข้ากาสิโนสำหรับคนสิงคโปร์ (150 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 3,800 บาท) ทำให้คนคิดทบทวนก่อนจะเข้าไปเล่น รวมถึงมีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานให้คำปรึกษาและนักสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหา”
“อีกนโยบายหนึ่งคือ ระบบกีดกันตัวเองหรือให้ครอบครัวร้องขอให้ห้ามบุคคลเข้าใช้บริการกาสิโนได้ เช่น ถ้าสามีมีปัญหาการพนันจนส่งผลกระทบต่อครอบครัว ภรรยาหรือแม้แต่ลูกก็สามารถยื่นเรื่องให้รัฐพิจารณากีดกันได้ (ไม่จำกัดแค่เพศชายหรือหญิง)”
"เท่าที่เล่ามาก็แสดงให้เห็นว่า มันมีมีหลายวิธีที่สามารถใช้ร่วมกันได้เพื่อส่งเสริมการเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบ”
มีคำกล่าวว่าสมัยนี้ใครไม่ใช้เทคโนโลยีเหมือนกำลังว่ายทวนน้ำเชี่ยว แวดวงกาสิโนได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กันเป็นล่ำเป็นสัน ในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับอุตสาหกรรมนี้มานาวนาน แอนดรูว์แชร์ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ
"หนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่น่าจับตามองคือ ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่สามารถตรวจจับผู้ที่ถูกแบนหรืออยู่ในรายชื่อผู้กีดกันได้ทันทีเมื่อเดินเข้าคาสิโน ระบบจะส่งแจ้งเตือนไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัยเพื่อดำเนินการต่อ ต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องใช้การแจกภาพถ่ายให้พนักงานจำกันเอง”
"อีกเทคโนโลยีหนึ่งคือ ระบบไม่ใช้เงินสด (Cashless Gaming) โดยผู้เล่นใช้โทรศัพท์แทนเงินสด ซึ่งสามารถติดตามการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมี Smart Table หรือโต๊ะพนันอัจฉริยะ ซึ่งใช้เทคโนโลยี RFID ในการบันทึกข้อมูลการเดิมพันแต่ละครั้ง ชิปพนันทุกชิ้นจะถูกติดตามได้ว่าอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนใช้”
“สุดท้ายผมคิดว่า AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกเทคโนโลยีที่เราพูดถึง มันจะเข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้ระบบต่าง ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยสรุปคือ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้กาสิโนสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการเล่นของลูกค้า และตรวจพบได้ว่าบุคคลใดมีแนวโน้มจะเกิดปัญหา เพื่อดำเนินการดูแลหรือให้คำแนะนำได้ทันเวลา”
หากเรามองกาสิโนในฐานะที่เป็นสถานที่ที่สามารถไปใช้เวลายามว่าง ๆ ได้ “ความจรรโลง” ยังมีความสำคัญยู่ คงไม่มีใครอยากมาเที่ยวกาสิโนแล้วมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกลับไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ใครกันอยากจะมาใช้จ่ายเงินในสถานที่แบบนี้
แอนดรูว์ยกตัวอย่างว่า สมมติไปเที่ยวที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง วันนั้นรู้สึกแฮปปี้มาก สนุกสนาน ไม่ว่าใครก็อยากกลับไปอีก กลับกัน ถ้าไปแล้วไม่ชอบ ก็คงไม่อยากกลับไปอีก
“สถานบันเทิงครบวงจร หรือแม้แต่กาสิโนเอง ก็ควรสร้างความรู้สึก และประสบการณ์ดี ๆ ให้ได้ ลองมองดูแหล่งท่องเที่ยวในไทยสิครับ โรงแรม ร้านอาหาร สนามกีฬา หรือสถานที่จัดคอนเสิร์ต ประเทศไทยมีแต่ของดี ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าได้สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนมาเสริม จะทำให้มาตรฐานสิ่งเหล่านี้ยิ่งสูงขึ้น”
“หลายคนอาจสงสัยว่าก็หาวิธีอื่นสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีกาสิโน ผมมองว่าถ้าไม่มีกาสิโน อาจไม่มีเม็ดเงินลงทุนที่จะขับเคลื่อนภาคส่วนอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้” แอนดรูว์ กล่าว
“ผมจะตอบในฐานะที่มันข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นส่วนตัว ผมอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 39 ปี นี่น่าเป็นหนที่ 7 ที่ผมได้เห็นการริเริ่มและการพัฒนาแบบนี้ ริ่มตั้งแต่ออสเตรเลียและสหรัฐในยุค 90s, มาเก๊าช่วงต้น 2000, สิงคโปร์ในช่วง 2004–2010, ฟิลิปปินส์ในช่วงกลางปี 2010s และญี่ปุ่นในช่วงปลายปี 2020”
“เมื่อสถานบันเทิงครบวงจรเปิดในกรุงเทพฯ หรือประเทศไทย เราสามารถประเมินรายได้ จำนวนคนที่มีงานทำ จำนวนห้องพักที่จะสร้างขึ้น และมูลค่าการลงทุนได้ล่วงหน้า ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า สิ่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย”
แต่...
"แน่นอนว่ามีความเสี่ยงทางสังคมอยู่บ้าง เช่นเดียวกับกรณีที่ประเทศไทยเพิ่งเปิดเสรีกัญชา รัฐบาลก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์กับผลกระทบ สิ่งสำคัญคือ ต้องสามารถปรับนโยบายหลังจากเริ่มดำเนินการแล้ว เช่น สิงคโปร์เองก็มีการปรับเปลี่ยนนโยบายภายหลังจากเริ่มดำเนินการไปแล้ว 1–2 ปี และเมื่อพฤติกรรมของสังคมหรือเทคโนโลยีเปลี่ยนไป รัฐก็ต้องพร้อมจะปรับตัวตาม เช่นเดียวกับการดำเนินนโยบายในระยะยาว” แอนดรูว์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง