ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ ระหว่าง ก๊กอาน - ฮุน เซน บุคคล 2 คนนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ? หลังจากที่ ตำรวจไซเบอร์เปิดยุทธการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร ค้น 19 จุด กทม.สมุทรปราการ ชลบุรี เครือข่าย“ก๊กอาน” ในวันที่ 8 ก.ค. 2025
จากกรณีการ ตำรวจไซเบอร์เปิดยุทธการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร ค้น 19 จุด กทม.สมุทรปราการ ชลบุรี เครือข่าย“ก๊กอาน” เจ้าของตึก 25 ชั้น ตึก 18 ชั้น ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติสนับสนุนแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกคนไทย เบื้องต้นอายัดรถยนต์-เงิน 27 ล้านนั้น ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่ร้อนแรงและอยู่ในความสนใจของผู้คนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา ก๊กอาน - ฮุน เซน มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ,
จากเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ สู่เจ้าสัวคาสิโนชายแดน กับบทบาทวุฒิสมาชิกสายตรงอดีตผู้นำกัมพูชา
การจู่โจมตรวจค้นบัญชีม้าในไทยโดยตำรวจไซเบอร์ ไม่น่าใช่เรื่องใหญ่—จนกระทั่งชื่อของ “ก๊ก อาน” โผล่ขึ้นมาในข่าวครั้งนี้ บุคคลผู้นี้ไม่ใช่แค่เจ้าของคาสิโนชายแดนธรรมดา แต่คือฟันเฟืองสำคัญในโครงข่ายทุนและอำนาจของ พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน
ไม่ใช่แค่เรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน—เพราะธุรกิจของเขาแผ่ขยายเข้ามาในไทย ใช้ไทยเป็นทางผ่าน และอาจเป็นหมากตัวสำคัญในเกมอำนาจที่กำลังเขย่าภูมิภาค
ประวัติ ก๊ก อาน (Kok An) เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1954 ในจังหวัดเกาะกง ภายใต้ชื่อเต็มว่า พู โกก อาน (Phu Kok An) เขาเปลี่ยนนามสกุลจีนของตน (Phu) หลังจากรัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของลน นอล (Lon Nol) ขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งในช่วงนั้นมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวกัมพูชาที่มีเชื้อสายจีนอย่างรุนแรง
มีการศึกษาระดับมัธยมปลาย จากนั้นในช่วงทศวรรษ 1980 เขาเริ่มทำธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูง ด้วยการค้าสินค้าระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ต่อมาในทศวรรษ 1990 เขาเข้าสู่วงการประมงและอุตสาหกรรมบุหรี่ และยังขยายกิจการไปสู่ธุรกิจคาสิโน โดยเปิด Crown Resorts Casino ที่ปอยเปต และสร้างโรงไฟฟ้าหลังจากนั้นไม่นาน
ก๊ก อาน ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท ANCO Brothers Co., Ltd ซึ่งเป็นบริษัทในกัมพูชาที่จัดจำหน่ายบุหรี่ให้กับบริษัท Singapura United Tobacco Ltd (SUTL) และตั้งแต่ปี 1993 ก็เป็นผู้จัดจำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อ 555 ให้กับ British American Tobacco (BAT) ในกัมพูชา
ก๊ก อาน มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) โดยมีรายงานว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ประเทศไทย จากเหตุการณ์ม็อบเผาสถานทูตไทยในปี 2003 ตามคำบอกเล่าของเมง เท็ค ผู้อำนวยการหอการค้ากัมพูชา (ข้อมูลลับ)
ก๊ก อาน คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของชนชั้นนำทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นภายใต้ร่มเงาของระบอบฮุน เซน จากจุดเริ่มต้นในการค้าชายแดนไทย-เวียดนาม เขาได้ขยายอิทธิพลเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลอย่างยาสูบและคาสิโน โดยเฉพาะ "คราวน์ รีสอร์ท คาสิโน" ในปอยเปต ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่เปรียบเสมือน "เหมืองทองคำ" ที่สร้างขึ้นบนช่องว่างของกฎหมายไทยที่ห้ามการพนัน
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเขาไม่ใช่เรื่องราวของความเฉียบแหลมทางธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นผลผลิตโดยตรงจากระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง สถานะของเขาในฐานะวุฒิสมาชิกพรรค CPP และที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซน คือหลักประกันขั้นสูงสุดที่ทำให้อาณาจักรธุรกิจของเขาขยายตัวได้อย่างไร้ขีดจำกัด
หัวใจของระบบอุปถัมภ์ในกัมพูชาคือระบบ "ออกญา" (Oknha) ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ที่มอบให้กับนักธุรกิจผู้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับรัฐบาลหรือพรรค CPP ระบบนี้ไม่ใช่เพียงการให้เกียรติยศ แต่เป็นกลไกที่เป็นทางการในการหลอมรวมผลประโยชน์ของชนชั้นนำทางเศรษฐกิจเข้ากับความอยู่รอดของระบอบการเมือง
มันได้สร้างเครือข่ายเจ้าสัวผู้จงรักภักดี ซึ่งความมั่งคั่งของพวกเขาผูกติดอยู่กับการคุ้มครองของรัฐ ในทางกลับกัน เจ้าสัวเหล่านี้ก็กลายเป็นแหล่งทุนและเป็นเครื่องมือให้รัฐในการควบคุมเศรษฐกิจ รายงานที่น่าตกใจฉบับหนึ่งระบุว่า ภายในปี 2013 วุฒิสมาชิกพรรค CPP ที่เป็นเจ้าสัวเพียง 5 คน ซึ่งรวมถึง ก๊ก อาน ด้วยนั้น ควบคุมที่ดินทำกินของประเทศมากถึง 20% นี่ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่คือการแปรรูปทรัพย์สินของรัฐให้อยู่ในมือของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ใกล้ชิดอำนาจ
ตำแหน่งในวุฒิสภาได้มอบ "เกราะป้องกัน" ที่ทรงประสิทธิภาพให้แก่ ก๊ก อาน มันเป็นมากกว่าตำแหน่งทางการเมือง แต่เป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่มอบความชอบธรรม การเข้าถึงผู้มีอำนาจ และที่สำคัญที่สุดคือ "ความคุ้มกันทางกฎหมาย" ทำให้การดำเนินคดีกับบุคคลระดับนี้เป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง
สายสัมพันธ์ส่วนตัวกับฮุน เซน คือแหล่งที่มาของอภิสิทธิ์ขั้นสูงสุด หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือการที่ฮุน เซน เคยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างเปิดเผยเพื่อลดโทษจำคุกให้แก่ญาติของ ก๊ก อาน ในคดียักยอกทรัพย์ นี่คือการแสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า อำนาจบริหารสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้เพื่อปกป้องคนในวงจรแห่งอำนาจ นอกจากนี้ การที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเรียกใช้ให้จ่ายเงินชดเชยแก่ประเทศไทยในวิกฤตการณ์เผาสถานทูตปี 2003 ก็ตอกย้ำถึงสถานะของเขาในฐานะบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากระบอบ