สงครามยุค 2025: รบด้วยเรื่องเล่า Narrative เปลี่ยนโลกด้วย ข้อความ Message อย่างเช่นในกรณี ธงไทยปรากฏที่ ไทม์สแควร์ : เมื่อสมรภูมิขยับเปลี่ยนที่ จากชายแดนสู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก
แยกไทม์สแควร์ ในนครนิวยอร์ก ถือเป็นจุดสำคัญของนักท่องเที่ยวในนิวยอร์กที่ใครหลายคนอยากปักหมุดไปให้ได้ แล้วจู่ๆ ก็มีสัญลักษณ์ที่ทรงพลังและไม่คาดคิดได้ปรากฏขึ้นบนจอโฆษณาดิจิทัลขนาดมหึมาสามจอขึ้น นั่นคือ ธงชาติไทย พร้อมข้อความที่หนักแน่น สิ่งนี้ไม่ใช่การโปรโมตการท่องเที่ยวหรือแคมเปญวัฒนธรรม แต่เป็นปฏิบัติการทางการทูตสาธารณะเชิงรุก ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
การแสดงธงชาติโดย Plan B Media บริษัทโฆษณา ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าทึ่งซึ่งสะท้อนถึง การเปลี่ยนแปลงใหม่ของการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ในศตวรรษที่ 21 ที่เส้นแบ่งระหว่างการโฆษณาเชิงพาณิชย์ การทูตของรัฐ และ "สงครามข้อมูล" (Information War) กำลังพร่าเลือนลงอย่างรวดเร็ว
บริบทความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2568 การปะทะตามแนวชายแดนได้บานปลายเป็น "การปะทะกันอย่างรุนแรง"
โดยฝ่ายไทยระบุว่ากองกำลังกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน โดยมุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ในขณะที่การสู้รบภาคพื้นดินดำเนินไป "สงครามข้อมูล" ก็ได้ปะทุขึ้นในเวทีโลก ฝ่ายกัมพูชาเริ่มการรณรงค์เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ "ผู้รุกราน"
ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องทำงานอย่างหนักผ่านช่องทางการทูตแบบดั้งเดิม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ท่ามกลางสถานการณ์นี้ Plan B Media ได้ก้าวเข้ามาในสนามรบแห่งการสื่อสารนี้
การเลือกไทม์สแควร์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่คิดมาอย่างดี จอภาพได้ฉายภาพธงไตรรงค์ พร้อมกับแฮชแท็กภาษาอังกฤษที่ตรงไปตรงมา #TruthFromThailand (ความจริงจากประเทศไทย) และวลีภาษาไทยที่สะท้อนจิตวิญญาณของชาติ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
นี่คือการส่งสารสองระดับในเวลาเดียวกัน :
สู่ประชาคมโลก: การใช้แฮชแท็กภาษาอังกฤษเป็นการประกาศจุดยืนต่อสู้ในสงครามข้อมูลโดยตรง เป็นความพยายามที่จะทวงคืนและควบคุมเรื่องเล่า (Narrative) ในสายตาชาวโลก
สู่คนในชาติ: ข้อความภาษาไทยทำหน้าที่ปลุกขวัญและกำลังใจให้กับทหารและประชาชนชาวไทย เป็นการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในช่วงเวลาแห่งวิกฤต
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐ แต่เป็นความคิดริเริ่มของ Plan B Media ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน นี่คือภาพสะท้อนของแนวโน้มระดับโลกที่ "นักแสดงที่ไม่ใช่รัฐ" (Non-state Actors) โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดใหญ่ กำลังมีบทบาทสำคัญในการทูตสาธารณะ
ด้วยเครือข่ายสื่อโฆษณาทั่วอาเซียนและความร่วมมือกับพันธมิตรในสหรัฐอเมริกา ทำให้ Plan B มีความคล่องตัวและทรัพยากรในการตอบสนองต่อวิกฤตได้รวดเร็วกว่ากลไกของรัฐบาล
การกระทำของพวกเขาเป็นอีกการเปลี่ยนโฉมหน้าของการทูตวัฒนธรรมไทย จากเดิมที่เน้นการนำเสนอ Soft Power เช่น อาหารไทย หรือเทศกาลสงกรานต์ ไปสู่การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่แข็งกร้าวและตรงไปตรงมามากขึ้น
การรณรงค์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสร้างการรับรู้และปลุกกระแสความรักชาติ
แต่คำถามสำคัญคือ เสียงนี้ดังไกลไปถึงประชาคมโลกได้จริงหรือ ?
ในสภาพแวดล้อมข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้น การแสดงภาพบนป้ายโฆษณาเพียงครั้งเดียว แม้จะอยู่ในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดในโลก ก็อาจเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่งที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว
หากขาดการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่ต่อเนื่องและหลากหลายช่องทาง การจะเปลี่ยนมุมมองของสื่อต่างประเทศและผู้กำหนดนโยบายในระยะยาวนั้น ต้องอาศัยความพยายามที่บูรณาการกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ
เหตุการณ์ธงชาติไทยในไทม์สแควร์โดย Plan B Media จะถูกจดจำในฐานะจุดเปลี่ยนที่สำคัญ มันแสดงให้เห็นถึง "พลวัต" หรือการเปลี่ยนแปลง ของการทูตยุคใหม่ ในมุมมอง
ในโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน การปกป้องอธิปไตยไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงแนวชายแดน แต่ยังรวมถึงการต่อสู้เพื่อ "ความจริง" ในพื้นที่สาธารณะของโลกด้วย และสมรภูมินั้น บางครั้งก็อยู่ใจกลางไทม์สแควร์นั่นเอง
ที่มา : JIJI PRESS nationthailand wichita.gov indiatimes numberanalytics
ข่าวที่เกี่ยวข้อง