ดร.จอห์น เสนอแนวทางแก้ปัญหาจราจรและมลพิษในกทม. ได้แก่ การเก็บค่าธรรมเนียมรถติด-เขตมลพิษต่ำ การเพิ่มระบบควบคุมไฟจราจรอัตโนมัติ และกล้อง AI จับปรับผู้กระทำผิด
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 5) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีวาระการพิจารณางบประมาณกรุงเทพมหานครปี พ.ศ. 2569 นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง อภิปรายงบประมาณกรุงเทพมหานครปี พ.ศ. 2569 ว่า หากท่านประธานอยู่ใกล้ตนหรืออยู่ข้างนอก จะแจกหน้ากากคนละอัน เพราะส่วนตัวตนไม่ใช่คนชอบใส่หน้ากาก
นายสุรจิตต์ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร โดยมองเป็นภาพใหญ่หลักๆ 2 ด้าน คือการจราจรชั้นในกับการจราจรชั้นนอกกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานครชั้นในมีประเด็นหลัก 4 หัวข้อ
1.การขาดการเชื่อมต่อ เพราะปัจจุบันรถบริการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า (Feeder) มีแค่ 6 เส้นทาง แต่ในปี พ.ศ. 2569 ไม่ได้ของบประมาณเลย มีเพียงเขตทวีวัฒนาที่โชคดีได้เชื่อมต่อไปยัง MRT หลักสอง และ BTS สนามเป้า น่าเสียดายเพราะกรุงเทพมหานครสามารถจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมได้ แต่งบประมาณกลับถูกตัดออกไป จึงอยากฝากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาในประเด็นดังกล่าว หากแปรญัตติไม่ทัน อาจจะพิจารณาในงบประมาณปี พ.ศ. 2570
2.หากดูเรื่องระบบควบคุมไฟจราจรอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมแทนการใช้คน ปัจจุบันกรุงเทพมหานครรับผิดชอบแยกจราจร 746 แยก ติดตั้งไฟจราจรไปแล้ว 561 แยก และยังไม่ได้ติดตั้ง 185 แยก ในปี พ.ศ. 2567 มี 490 แยกที่มีสัญญาณไฟจราจร แต่ของบประมาณมาเพียง 72 แยก ซึ่งไม่น่าจะแก้ปัญหารถติดได้ ขณะที่ปี พ.ศ. 2568 ก็ไม่ได้ของบประมาณมา ส่วนปี พ.ศ. 2569 ของบประมาณมาเพียง 100 แยก หากเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2569 จะมีแยกที่เป็นระบบอัตโนมัติเพียง 172 แยก จากทั้งหมด 490 แยก ตนจึงขอแนะนำให้เพิ่มไฟจราจรอัจฉริยะอีก 318 แยก
3.เรื่องกล้อง AI จับปรับผู้กระทำผิดบนทางเท้า งบประมาณปี พ.ศ. 2567 มีการติดตั้งแค่เขตละ 2 จุด เป็นที่น่าเสียดายที่ปี พ.ศ. 2568 ไม่มีงบประมาณ และปี พ.ศ. 2569 มีเสียงกระซิบว่าของบประมาณไปแต่ไม่ได้รับอนุมัติ จึงฝากถึงผู้ว่าฯ กทม. ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ช่วยแก้ปัญหาและสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน
4.ประเด็นการแก้ไขปัญหาภาพรวมกรุงเทพมหานครชั้นใน คืออัตราค่าธรรมเนียมในการเข้าเมืองและเขตมลพิษต่ำที่ต้องทำควบคู่กัน เพราะใกล้ถึงช่วงที่ประชาชนต้องประสบปัญหามลพิษฝุ่นอีกครั้ง ท่านสามารถทำได้โดยเก็บค่าธรรมเนียมเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมีโมเดลในต่างประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็นลอนดอน เยอรมนี หรือสิงคโปร์ สามารถแก้ไขปัญหาได้แน่นอน เพราะผ่านการทดลองใช้มาแล้วในหลายประเทศ ในส่วนของโซนจำกัดมลพิษต่ำ เป็นการจำกัดประเภทรถในการวิ่งเข้าเมือง เช่น รถที่ไม่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ยูโร 6 ต้องไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะปอดของประชาชนนั้นพูดไม่ได้ ตนจึงขอเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องทั้ง 50 เขตมาพูด การไม่ดำเนินการวางมาตรฐานและเริ่มศึกษานั้นจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขมากมาย โรงพยาบาลจะสร้างเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ สถานีอนามัยจะมีเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนกรุงเทพมหานคร
นายสุรจิตต์ กล่าวต่อว่า เป้าหมายของเขตมลพิษต่ำรวมถึงโซนจัดเก็บอัตราภาษีช่วงเวลารถติด มีเป้าหมายง่ายๆ คือการลดมลพิษและลดจำนวนรถ ซึ่ง 2 มาตรการนั้นสามารถทำควบคู่กันได้
เราต้องกลับมาดูเรื่องกฎหมาย กทม. นั้นมีอำนาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 แต่ก็ไม่ทั้งหมด ทั้งสองโซนที่ตนได้พูดถึงต้องออกข้อบัญญัติเพิ่มเติมโดยการบูรณาการกับกรมการขนส่งทางบก
ในส่วนของกรุงเทพมหานครชั้นนอก เรื่องเรือโดยสารไฟฟ้า ตนเคยอภิปรายเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ในงบประมาณปี พ.ศ. 2569 ส่วนของคำแถลงการณ์ยังไม่เห็นเรื่องนี้ ตนจึงอยากฝากผู้ว่าฯ กทม. ว่าสิ่งที่อภิปรายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารต้องทำงานร่วมกันในสิ่งที่มองเห็นแล้วว่าเป็นมาตรการที่ดี
เรื่องต่อมาคือ โครงการก่อสร้างระบบแก้มลิงบึงสวนพระนคร (พื้นที่เขตลาดกระบัง) ตนพยายามผลักดันโครงการดังกล่าวแต่ก็ไม่ผ่าน จึงอยากขอความกรุณาให้แปรญัตติกลับคืนมา จุดนี้มีความสำคัญเพราะเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลที่กำลังจะเปิดใหม่ 2 แห่ง และมีสำนักงานเขตที่กำลังก่อสร้าง แต่โครงการกลับถูกปล่อยทิ้งร้างเพราะเป็นผู้รับจ้างรายเดียวกับที่ทำตึก ส.ต.ง. จนถล่ม จุดนี้เป็นด่านสุดท้ายในการรับน้ำในฝั่งตะวันออก ถัดจากลาดกระบังลงมาคือสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งท่วมไม่ได้ ขวามือของเขตลาดกระบังคือจังหวัดฉะเชิงเทรา ซ้ายมือคือ กทม. ชั้นในซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจก็ท่วมไม่ได้ จึงขอให้ติดอาวุธให้เขตลาดกระบังเพิ่ม
เรื่องต่อมาคือโครงการที่ผ่านการศึกษาแล้วว่าสามารถแก้ปัญหาพื้นที่น้ำท่วมได้ คือโครงการก่อสร้างทางเพื่อการเกษตรและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (พื้นที่เขตลาดกระบัง) ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมเกือบ 10,000 ไร่ แต่พอถึงหน้าแล้งกลับไม่มีที่กักเก็บน้ำ จึงขอฝากให้มีการทำโครงการดังกล่าว
นายสุรจิตต์ กล่าวว่า ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องที่ครูพี่เลี้ยงและอาสาสมัครศูนย์เด็กเล็กได้ฝากผ่านมายังตน เกี่ยวกับสวัสดิภาพและสวัสดิการของครูศูนย์เด็กเล็ก ควรมีการอบรมให้กับบุคลากรอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อปี ศูนย์เด็กเล็กในกรุงเทพมหานครมีเป็นพันศูนย์ แต่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพัฒนาสังคม ซึ่งที่จริงควรอยู่ใต้สำนักการศึกษา ควรมีการจัดทำห้องส่งเสริมประสบการณ์สำหรับเด็กซึ่งตอนนี้แทบจะไม่มี และควรมีการต่ออายุการทำงานของบุคลากรจาก 65 ปีเป็น 70 ปี สิ่งนี้คือความหวังของพี่น้องอาสาสมัครที่ฝากไปถึงผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร
เรื่องการซ่อมแซมอาคารเรียน ปัจจุบันโรงเรียนในกรุงเทพมหานครยังต้องซ่อมแซมกันเองอยู่ อาคารเรียนและห้องเรียนที่มีสีสันสดใสจะทำให้เด็กอยากมาเรียนมากขึ้น และประเด็นสุดท้าย คือควรมีการจัดให้มีการดูแลเด็กหลังเลิกเรียน เพราะปัจจุบันผู้ปกครองไม่สามารถมารับเด็กได้ทันเวลา ไม่ว่าจะเพราะรถติด หรือติดงาน อาสาสมัครนั้นมีจิตวิญญาณของความเป็นครู อยู่ดูแลเด็กจนถึงผู้ปกครองมารับ แต่ไม่มีค่าล่วงเวลา (OT) ให้พวกเขา
“ขอฝากให้ช่วยแปรญัตติกลับมา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่ทนทุกข์จากปัญหาน้ำท่วม และพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้” นายสุรจิตต์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง