SHORT CUT
ทำความรู้จัก "PMN-2" ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล มีชนวนระเบิดในตัว ทำอันตรายฝ่าเท้าผู้เหยียบ ตัวทุ่นทำจากวัสดุพลาสติก ค้นหาได้ยาก ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายสมรภูมิทั่วโลก
จากกรณีที่หน่วยทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนในเขตไทยและเป็นเส้นทางลาดตระเวนที่ใช้ประจำ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นจากการเหยียบกับระเบิด ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย โดยพบว่าเป็น "ทุ่นระเบิด PMN-2" ซึ่งคาดว่ามีการนำมาวางใหม่ในพื้นที่
ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้เปิดเผยข้อมูล เรื่อง “ทุ่นระเบิด PMN2” ของกัมพูชา
ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อยู่กับที่ มีชนวนระเบิดในตัว ทำงานด้วยน้ำหนักกด ทำอันตรายฝ่าเท้าผู้เหยียบ ตัวทุ่นทำจากวัสดุพลาสติก การตรวจค้นทำได้ยาก
ภายในระเบิดบรรจุดินระเบิด (เช่น TNT) น้ำหนักประมาณ 100-150 กรัม เมื่อแรงกดจากการเหยียบลงบนฝาครอบเพียงพอ กลไกสปริงและเข็มแทงชนวนจะทำงานจุดชนวนดินระเบิดหลัก ส่งผลให้เกิดแรงระเบิดรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่เหยียบได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต
PMN-2 ออกแบบมาเพื่อทำให้เกิดการ พิการ มากกว่าการฆ่าโดยตรง เพื่อสร้างภาระด้านกำลังพลและการแพทย์ของฝ่ายตรงข้าม
PMN-2 ถูกส่งออก นำไปใช้ในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน กัมพูชา แอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยมักใช้ในเขตชายแดน เส้นทางยุทธศาสตร์
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดครั้งล่าสุด พบว่าในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏภาพทหารกัมพูชาถือพวงทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากอยู่บริเวณด้านหน้าปราสาทตาควาย รวมถึงฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 เพิ่มเติมในพื้นที่ภูมะเขืออีกจำนวน 18 ทุ่น โดยเป็นสภาพพร้อมใช้งานจำนวน 2 ทุ่น และบรรจุอยู่ในกระสอบจำนวน 16 ทุ่น
สิ่งที่เกิดขึ้นจากฝ่ายกัมพูชาดังกล่าวไม่แตกต่างจากการใช้อาวุธโจมตีต่อฝ่ายไทยโดยตรง และเป็นการแสดงออกถึงความไม่ซื่อตรงในการต่อสู้ในแบบสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ถือเป็นการต่อสู้ด้วยวิธีที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และเป็นการตั้งใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างจงใจ
ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชามักปฏิเสธสิ่งที่ได้กระทำ แม้มีหลักฐานข้อพิสูจน์ที่ประจักษ์ แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่ามีการใช้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา รวมถึงแม้แต่ในวงเจรจาก็ไม่ยอมให้มีข้อความหรือส่วนหนึ่งส่วนใดที่จะป้องกันปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในข้อตกลงร่วมกัน
ท่าทีดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนในสังคมทั้งในระดับประเทศและสังคมโลกเข้าใจได้ว่า กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีอย่างแท้จริง สิ่งที่เป็นอยู่อาจเป็นเพียงการสร้างภาพลวงต่อสายตาชาวโลก
ที่มา : Jessada Denduangboripant , กองบัญชาการกองทัพไทย
เครดิตภาพ : wikipedia
ข่าวที่เกี่ยวข้อง