การยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพียงเพื่อประกาศว่า 'ฉันเหนือกว่าใคร' เป็นกับดักทางเศรษฐกิจ ที่อาจนำไปสู่ ความเหลื่อมล้ำ และความทุกข์ทางใจโดยไม่รู้ตัว
คำถามเมื่อครู่ เป็นคำถามที่อิงมาจากคำอธิบายบนพื้นฐานแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ ที่เสนอโดย
ธอร์สไตน์ เวเบลน (Thorstein Veblen) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือ The Theory of the Leisure Class (1899) เพื่อวิพากษ์สังคมทุนนิยมและชนชั้นสูงในสมัยนั้น
ในหนังสือเล่มนี้ เวเบลนอธิบายเรื่อง Conspicuous Consumption หรือ การบริโภคเพื่อแสดงสถานะ อธิบายอย่างรวบรัดคือ เวเบลนอธิบายว่า ‘การซื้อสินค้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ใช้สอย แต่เพื่อแสดงฐานะทางสังคม’
โดยมีวิธีสังเกตง่าย ๆ 3 จุดด้วยกัน 1. การบริโภคต้องทำให้คนอื่นเห็นได้ชัด (Conspicuous) 2. สินค้านั้นต้องแสดงสถานะอย่างชัดเจน เช่น ราคาแพง หายาก และยิ่งเป็นที่รู้จักยิ่งดี 3. แรงจูงใจในการบริโภคสินค้า มิใช่มาจากการบริโภคเพื่อประโยชน์ใช้สอย แต่สร้างความประทับใจต่อผู้อื่น
กรอบคิดนี้ เวเบลนคิดได้จากการสังเกตเห็นคนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ต่างซื้อข้าวของชิ้นใหญ่ชิ้นโตอย่างฟุ่มเฟือย เพื่อประกาศสถานะ ความมั่งคั่ง เช่น การซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ เสื้อผ้าจากห้องเสื้อชั้นสูง หรือแม้แต่การจัดงานเลี้ยงกินดื่ม
เมื่อได้ทราบกรอบคิดนี้ของเวเบลนแล้ว นี่ก็พอจะอธิบายปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้ ในแง่ที่ว่าเราจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ฟุ่มเฟือย โดยไม่ได้มาจากความต้องการจริง ๆ แต่ถูกแรงกดดันจากสังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม มิเช่นนั้น เราก็จะกลายเป็นคนตกเทรนด์
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงยอมจ่ายเงินแพง ๆ เพื่อซื้อสินค้า หรืออาหาร เพราะข้าวของเหล่านี้ สามารถพูดแทนเราได้ว่าฉันมีต้นทุนที่จะเข้าถึงสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ได้ และเมื่อใดที่สามารถครอบครองสินค้าฟุ่มเฟือยได้ เราจะได้รับการยอมรับจากคนในชนชั้นสูง ซึ่งมีอยู่ไม่กี่เปอร์เซนต์ของสังคม
คำถามคือ ถ้าเราไม่ใช่คนที่มี ‘ต้นทุน’ เทียบเท่าชนชั้นสูงล่ะ หรือเราก็ไม่ได้พร้อมจะจ่ายเงินแพง ๆ กับเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดเวลา มันก็พอจะมีวิธีหลุดพ้นจากสภาวะทำนองนี้อยู่ เช่น งานวิจัยหนึ่งบอกว่าขอให้คุณมีความมั่นใจในตัวเอง ทนต่อความเปลี่ยนแปลงได้ จะมีพฤติกรรมการบริโภคแบบโอ้อวดน้อยลง
เพราะถ้าเรามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนชนชั้นอีลีท (Elite) ที่มีกินมีใช้ตลอดชาติ การบริโภคเพื่อแสดงสถานะ มันจะนำมาซึ่งผลกระทบ ทั้งในเชิงจิตใจ และเชิงเศรษฐกิจอีกมากมาย หากไม่หยุดวงจรนี้เสีย เราจะตกอยู่ในภาวะเปรียบเทียบตัวเองกับสังคมอยู่เสมอ และจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ๆ อยู่ร่ำไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง