SHORT CUT
เปิดแนวคิดแคนาดา หนึ่งในประเทศที่ผ่านการบริหารโดย 'รัฐบาลเสียงข้างน้อย' มาหลายครั้ง ซึ่งเป็นได้ทั้งทางออกปัญหาและจุดเริ่มต้นวิกฤตการเมือง
แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่เคยถูกบริหารด้วย 'รัฐบาลเสียงข้างน้อย' หลายต่อหลายครั้ง โดยจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีพรรคการเมืองใดครองที่นั่งเสียงข้างมากในสภา ด้วยเหตุนี้ พรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจึงต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่น (หรืออาจหลายพรรค) จึงจะสามารถผ่านร่างกฎหมายหรือดำเนินมาตรการต่างๆ ได้
เมื่อมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย อำนาจการตัดสินใจจะถูกแบ่งปันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ แทนที่จะกระจุกตัวอยู่ในพรรครัฐบาล เสียงจากพรรคฝ่ายค้านอาจเป็นปัจจัยชี้ขาดในการลงคะแนนมติต่างๆ ขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส. ของพรรครัฐบาล
ที่ผ่านมาชาวแคนาดาไม่ได้รู้สึกต่อต้านการรัฐบาลเสียงข้างน้อยมากนัก เพราะมองว่ามันช่วยบรรเทาปัญหาเรื้อรังในระบบรัฐสภาที่นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่การเมืองระดับสูงมีอำนาจมากเกินไป ป้องกันไม่ให้เกิดการรีบเร่งดำเนินนโยบายสาธารณะ เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องให้เวลากับการปรึกษาหารือกันอย่างเข้มงวดในทุกๆ มาตรการที่ส่งผลต่อประเทศ
หลายคนยังมองว่าการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือการมอบอำนาจให้กับฝ่ายนิติบัญญัติมากขึ้น ให้พวกเขาได้ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อเลสเตอร์ บี. เพียร์สันชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างน้อยติดต่อกันสองสมัย นำไปสู่การต่อรองกับพรรคประชาธิปไตยใหม่ ทำให้ยุคนั้นเป็นรากฐานของระบบสวัสดิการสังคมของแคนาดา โดยพรรคเพียร์สัน ลิเบอรัล ได้ผลักดันระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ สินเชื่อเพื่อการศึกษา และระบบบำนาญของแคนาดา
อย่างไรก็ตาม อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง จัสติน ทรูโด เคยแสดงความเห็นว่า แม้จะคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ยังนับได้ว่าเป็นชัยชนะ แต่หากเลือกได้เขาก็ยังต้องการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากที่มีความมั่นคงทางอำนาจมากกว่าอยู่ดี
เนื่องจากข้อเสียของการเป็นรัฐบาลข้างน้อย คือพรรคฝ่ายค้านจะมีอำนาจโดยตรงมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ก่อนกำหนด หรือการแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อให้เอื้อประโยชน์กับฝ่ายของตนเอง
ขณะที่ชาวแคนาดาหลายคนก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะเบื่อหน่ายกับเกมการเมืองที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะหลายครั้งมักจะก่อให้เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นความวุ่นวาย หรือการตัดสินใจแก้ปัญหาระดับประเทศที่ยืดเยื้อเกินไป มีการกระทำผิดและการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ที่สำคัญคือพรรครัฐบาลมักจะใช้เงินจำนวนมากไปกับนโยบายประชานิยมเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองสูญเสียอำนาจหรือความชื่นชอบจากประชาชน