svasdssvasds

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น! ปรัชญา 3 เสาหลัก สู้ภัยพิบัติไม่รอรัฐ

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น! ปรัชญา 3 เสาหลัก สู้ภัยพิบัติไม่รอรัฐ

รู้จักปรัชญา จิโจะ (ช่วยตัวเอง) เคียวโจะ (ช่วยกันในชุมชน) โคโจะ (รัฐสนับสนุน) 3 เสาหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีที่สุดในโลก

SHORT CUT

  • นำเสนอปรัชญา 3 เสาหลักของญี่ปุ่นในการรับมือภัยพิบัติ ได้แก่ "จิโจะ" (自助) คือการพึ่งพาตนเองเป็นอันดับแรก โดยทุกครัวเรือนต้องเตรียมพร้อม
  • เสาหลักที่สองคือ "เคียวโจะ" (共助) ซึ่งหมายถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในชุมชน ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในชั่วโมงแรกๆ
  • เสาหลักสุดท้ายคือ "โคโจะ" (公助) เป็นการช่วยเหลือจากภาครัฐที่เปลี่ยนบทบาทจากผู้กู้ภัยหลักมาเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้จักปรัชญา จิโจะ (ช่วยตัวเอง) เคียวโจะ (ช่วยกันในชุมชน) โคโจะ (รัฐสนับสนุน) 3 เสาหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีที่สุดในโลก

จิโจะ เคียวโจะ โคโจะ: ปรัชญา 3 เสาหลักที่เปลี่ยนญี่ปุ่นจาก "รอรัฐช่วย" เป็น "ช่วยตัวเอง" : เมื่อ 3 คำเปลี่ยนโฉมหน้าการรับมือภัยพิบัติของชาติ

วันที่ 24 กันยายน 2568 เมื่อถนนสามเสนยุบตัว หลายคนติดอยู่ในความโกลาหล เพราะเหตุเกิดที่ใจกลางเมือง ใกล้โรงพยาบาลและชุมชนหนาแน่น ทั้งที่เป็นเพียงถนนเส้นเดียว แต่เมื่อเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นที่ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ปี 2559 ทุกอย่างกลับคืนปกติภายใน 7 วัน

ความแตกต่างนี้ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีหรือเงิน แต่มาจาก 3 คำภาษาญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ: จิโจะ (自助) เคียวโจะ (共助) โคโจะ (公助) ปรัชญาที่ทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากกับดักการ "รอรัฐช่วย" และกลายเป็นสังคมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้านการรับมือภัยพิบัติ

 

จิโจะ (自助): "ช่วยตัวเองก่อน รัฐจึงจะช่วยได้”

จิโจะ แปลตรงๆ คือ "การช่วยตนเอง" แต่ความหมายที่แท้จริงคือ "การรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองและครอบครัวเป็นอันดับแรก"

ในทุกบ้านญี่ปุ่นจะมี "ถุงยังชีพฉุกเฉิน" ที่บรรจุน้ำดื่ม 3 วัน อาหารแห้ง ยา วิทยุแบตเตอรี่ และของใช้จำเป็น เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ถูกยึดติดกับผนัง ทุกคนรู้จัก "แผนที่เสี่ยงภัย" ของพื้นที่ตนเองและเส้นทางอพยพ

บริษัท Suzuki Kogyo ที่จัดการขยะในเซนได คือตัวอย่างชั้นเยี่ยมของจิโจะในภาคธุรกิจ หลังสึนามิ 2011 บริษัทกลับมาให้บริการได้ภายใน 6 วัน เพราะมีข้อตกลงล่วงหน้ากับบริษัทในจังหวัดยามากาตะให้ใช้โรงเผาขยะร่วมกันในกรณีฉุกเฉิน นี่คือ "การกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์" ที่คิดไว้ก่อนเกิดเหตุ

คนไทยมักคิดว่า "เมื่อเกิดเหตุ รัฐต้องมาช่วย" แต่จิโจะสอนว่า "เมื่อฉันช่วยตัวเองได้ รัฐจะช่วยคนอื่นได้มากขึ้น" เมื่อแต่ละคนพึ่งตัวเองได้ในนาทีแรกๆ หน่วยกู้ภัยจะไปช่วยคนที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารได้มากขึ้น

เคียวโจะ (共助): "พลังเพื่อนบ้านที่ช่วยชีวิตได้ 80%”

เคียวโจะ คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน หลักการนี้กลับมาได้รับความสนใจหลังสถิติที่ตกใจจากแผ่นดินไหวโกเบ ปี 1995: ผู้รอดชีวิต 80% ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ไม่ใช่จากหน่วยกู้ภัยของรัฐ

หลังแผ่นดินไหวโกเบ เมืองโกเบสร้าง "โบโคมิ" (BOKOMI - Disaster-Safe Welfare Community) ซึ่งไม่ใช่แค่องค์กรฉุกเฉิน แต่เป็น "ระบบเก็บข้อมูลชุมชนแบบเรียลไทม์" โบโคมิจัดงานเทศกาล ซ้อมหนีไฟ และดูแลผู้สูงอายุเป็นประจำ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ชุมชนรู้ว่าใครอยู่บ้านไหน ใครอยู่คนเดียว ใครเป็นโรคเรื้อรัง ใครเดินไม่ได้ ใครมีทักษะปฐมพยาบาล

เมื่อเกิดภัยพิบัติ ข้อมูลนี้กลายเป็น "บัญชีรายชื่อผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนหลัง" สมาชิกโบโคมิจะไปช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือก่อน ไม่ใช่วิ่งไปช่วยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า

นิคมอุตสาหกรรมอาเคมิปรับใช้หลักเคียวโจะด้วย "แผน BCP ระดับนิคม" บริษัทต่างๆ ตกลงแบ่งปันทรัพยากรในยามฉุกเฉิน เช่น เชื้อเพลิง บุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์กู้ภัย

เมื่อถนนสามเสนยุบ คนไทยต่างคนต่างหาทางออก ไม่มีระบบการแบ่งปันข้อมูล ไม่มีการประสานงาน ทำให้เกิดความสับสนและการจราจรติดขัดหนัก ถ้ามีระบบเคียวโจะ ชุมชนรอบๆ จะช่วยกันหาทางเลี่ยง แบ่งปันข้อมูลการจราจร และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ

โคโจะ (公助): "จากนักรบเดี่ยวสู่ผู้สนับสนุน”

โคโจะ คือการช่วยเหลือจากรัฐ แต่หลังบทเรียนแผ่นดินไหวโกเบ บทบาทของโคโจะเปลี่ยนจาก "ผู้กอบกู้หลัก" เป็น "ผู้สนับสนุนและเอื้ออำนวย" ที่สร้าง "ระบบนิเวศแห่งความปลอดภัย" ให้จิโจะและเคียวโจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

โคโจะแบบใหม่ทำงานสองด้าน ทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เขื่อนกันสึนามิ อาคารหลบภัย และการพัฒนาระบบสนับสนุน เช่น จัดทำและเผยแพร่แผนที่เสี่ยงภัยให้ทุกครัวเรือน พัฒนาระบบแจ้งเตือนหลายช่องทาง ให้เงินอุดหนุนแก่ชุมชนเพื่อจัดตั้งโบโคมิ และทำข้อตกลงล่วงหน้ากับภาคเอกชนให้พร้อมช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน

เมื่อหลุมยุบขนาด 30x27x15 เมตร เกิดขึ้นที่ฟุกุโอกะ โคโจะแสดงบทบาทแบบใหม่อย่างชัดเจน นายกเทศมนตรีประกาศ "ฟื้นฟูภายใน 1 สัปดาห์" และตั้งศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินทันที การถมหลุมและซ่อมแซมสาธารณูปโภคทุกชนิดทำพร้อมกันใน 1 เวลา โรงงานหยุดคำสั่งซื้ออื่นเพื่อส่งรถผสมคอนกรีต 1,000 เที่ยว ใช้ "ดินที่ผ่านการบำบัดด้วยของเหลว" ที่แข็งแรงกว่าดินเดิม 30 เท่า

 

เกราะป้องกัน 3 ชั้น: ความแข็งแกร่งจากการทำงานร่วมกัน

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของญี่ปุ่นอยู่ที่การทำงานสอดประสานกันของทั้ง 3 เสา เหมือน "เกราะป้องกัน 3 ชั้น" ในนาทีแรกของภัยพิบัติ แต่ละคนดูแลตัวเองและครอบครัวก่อน ใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินที่เตรียมไว้ เคลื่อนย้ายไปยังจุดปลอดภัยตามแผน ในชั่วโมงที่ 1-72 โบโคมิเข้าช่วยเหลือตาม "บัญชีรายชื่อ" ชุมชนร่วมกันตั้งศูนย์อพยพ แบ่งปันทรัพยากรและข้อมูล และในวันที่ 4 เป็นต้นไป รัฐเข้ามาด้วยทรัพยากรขนาดใหญ่ ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน จ่ายค่าชดเชยและสินเชื่อฟื้นตัว

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด โคโจะจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยสึนามิและสร้างอาคารอพยพ เคียวโจะนำแผนที่มาจัดซ้อมอพยพในชุมชนเป็นประจำ และจิโจะในแต่ละครัวเรือนรู้ว่าตนเองต้องอพยพที่ไหนเมื่อไหร่ เมื่อทั้งสามเสาทำงานสอดประสานกัน พลังที่เกิดขึ้นจะมากกว่าผลรวมของแต่ละส่วน

 

เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนประเทศ

บทเรียนสำคัญที่สุดจาก จิโจะ เคียวโจะ โคโจะ คือการเปลี่ยนความคิดจาก "รอให้รัฐมาช่วย" เป็น "ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ" เมื่อทุกคนพึ่งตัวเองได้ (จิโจะ) ชุมชนจะแข็งแกร่ง (เคียวโจะ) และรัฐจะช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ (โคโจะ) นี่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นปรัชญาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนประเทศให้แข็งแกร่งได้จริง

ถนนสามเสนที่ยุบตัวเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง วิกฤตครั้งต่อไปอาจรุนแรงกว่านี้มาก แต่ถ้าเราเริ่มปลูกฝัง จิโจะ เคียวโจะ โคโจะ ตั้งแต่วันนี้ สังคมไทยจะพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่รอเราอยู่ข้างหน้า เพราะความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ได้มาจากการไม่มีปัญหา แต่มาจากการรู้วิธีรับมือกับปัญหาร่วมกัน

related