SHORT CUT
รู้จักปรัชญา จิโจะ (ช่วยตัวเอง) เคียวโจะ (ช่วยกันในชุมชน) โคโจะ (รัฐสนับสนุน) 3 เสาหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีที่สุดในโลก
วันที่ 24 กันยายน 2568 เมื่อถนนสามเสนยุบตัว หลายคนติดอยู่ในความโกลาหล เพราะเหตุเกิดที่ใจกลางเมือง ใกล้โรงพยาบาลและชุมชนหนาแน่น ทั้งที่เป็นเพียงถนนเส้นเดียว แต่เมื่อเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นที่ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ปี 2559 ทุกอย่างกลับคืนปกติภายใน 7 วัน
ความแตกต่างนี้ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีหรือเงิน แต่มาจาก 3 คำภาษาญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ: จิโจะ (自助) เคียวโจะ (共助) โคโจะ (公助) ปรัชญาที่ทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากกับดักการ "รอรัฐช่วย" และกลายเป็นสังคมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้านการรับมือภัยพิบัติ
จิโจะ แปลตรงๆ คือ "การช่วยตนเอง" แต่ความหมายที่แท้จริงคือ "การรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองและครอบครัวเป็นอันดับแรก"
ในทุกบ้านญี่ปุ่นจะมี "ถุงยังชีพฉุกเฉิน" ที่บรรจุน้ำดื่ม 3 วัน อาหารแห้ง ยา วิทยุแบตเตอรี่ และของใช้จำเป็น เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ถูกยึดติดกับผนัง ทุกคนรู้จัก "แผนที่เสี่ยงภัย" ของพื้นที่ตนเองและเส้นทางอพยพ
บริษัท Suzuki Kogyo ที่จัดการขยะในเซนได คือตัวอย่างชั้นเยี่ยมของจิโจะในภาคธุรกิจ หลังสึนามิ 2011 บริษัทกลับมาให้บริการได้ภายใน 6 วัน เพราะมีข้อตกลงล่วงหน้ากับบริษัทในจังหวัดยามากาตะให้ใช้โรงเผาขยะร่วมกันในกรณีฉุกเฉิน นี่คือ "การกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์" ที่คิดไว้ก่อนเกิดเหตุ
คนไทยมักคิดว่า "เมื่อเกิดเหตุ รัฐต้องมาช่วย" แต่จิโจะสอนว่า "เมื่อฉันช่วยตัวเองได้ รัฐจะช่วยคนอื่นได้มากขึ้น" เมื่อแต่ละคนพึ่งตัวเองได้ในนาทีแรกๆ หน่วยกู้ภัยจะไปช่วยคนที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารได้มากขึ้น
เคียวโจะ คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน หลักการนี้กลับมาได้รับความสนใจหลังสถิติที่ตกใจจากแผ่นดินไหวโกเบ ปี 1995: ผู้รอดชีวิต 80% ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ไม่ใช่จากหน่วยกู้ภัยของรัฐ
หลังแผ่นดินไหวโกเบ เมืองโกเบสร้าง "โบโคมิ" (BOKOMI - Disaster-Safe Welfare Community) ซึ่งไม่ใช่แค่องค์กรฉุกเฉิน แต่เป็น "ระบบเก็บข้อมูลชุมชนแบบเรียลไทม์" โบโคมิจัดงานเทศกาล ซ้อมหนีไฟ และดูแลผู้สูงอายุเป็นประจำ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ชุมชนรู้ว่าใครอยู่บ้านไหน ใครอยู่คนเดียว ใครเป็นโรคเรื้อรัง ใครเดินไม่ได้ ใครมีทักษะปฐมพยาบาล
เมื่อเกิดภัยพิบัติ ข้อมูลนี้กลายเป็น "บัญชีรายชื่อผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนหลัง" สมาชิกโบโคมิจะไปช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือก่อน ไม่ใช่วิ่งไปช่วยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
นิคมอุตสาหกรรมอาเคมิปรับใช้หลักเคียวโจะด้วย "แผน BCP ระดับนิคม" บริษัทต่างๆ ตกลงแบ่งปันทรัพยากรในยามฉุกเฉิน เช่น เชื้อเพลิง บุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์กู้ภัย
เมื่อถนนสามเสนยุบ คนไทยต่างคนต่างหาทางออก ไม่มีระบบการแบ่งปันข้อมูล ไม่มีการประสานงาน ทำให้เกิดความสับสนและการจราจรติดขัดหนัก ถ้ามีระบบเคียวโจะ ชุมชนรอบๆ จะช่วยกันหาทางเลี่ยง แบ่งปันข้อมูลการจราจร และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ
โคโจะ คือการช่วยเหลือจากรัฐ แต่หลังบทเรียนแผ่นดินไหวโกเบ บทบาทของโคโจะเปลี่ยนจาก "ผู้กอบกู้หลัก" เป็น "ผู้สนับสนุนและเอื้ออำนวย" ที่สร้าง "ระบบนิเวศแห่งความปลอดภัย" ให้จิโจะและเคียวโจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
โคโจะแบบใหม่ทำงานสองด้าน ทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เขื่อนกันสึนามิ อาคารหลบภัย และการพัฒนาระบบสนับสนุน เช่น จัดทำและเผยแพร่แผนที่เสี่ยงภัยให้ทุกครัวเรือน พัฒนาระบบแจ้งเตือนหลายช่องทาง ให้เงินอุดหนุนแก่ชุมชนเพื่อจัดตั้งโบโคมิ และทำข้อตกลงล่วงหน้ากับภาคเอกชนให้พร้อมช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน
เมื่อหลุมยุบขนาด 30x27x15 เมตร เกิดขึ้นที่ฟุกุโอกะ โคโจะแสดงบทบาทแบบใหม่อย่างชัดเจน นายกเทศมนตรีประกาศ "ฟื้นฟูภายใน 1 สัปดาห์" และตั้งศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินทันที การถมหลุมและซ่อมแซมสาธารณูปโภคทุกชนิดทำพร้อมกันใน 1 เวลา โรงงานหยุดคำสั่งซื้ออื่นเพื่อส่งรถผสมคอนกรีต 1,000 เที่ยว ใช้ "ดินที่ผ่านการบำบัดด้วยของเหลว" ที่แข็งแรงกว่าดินเดิม 30 เท่า
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของญี่ปุ่นอยู่ที่การทำงานสอดประสานกันของทั้ง 3 เสา เหมือน "เกราะป้องกัน 3 ชั้น" ในนาทีแรกของภัยพิบัติ แต่ละคนดูแลตัวเองและครอบครัวก่อน ใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินที่เตรียมไว้ เคลื่อนย้ายไปยังจุดปลอดภัยตามแผน ในชั่วโมงที่ 1-72 โบโคมิเข้าช่วยเหลือตาม "บัญชีรายชื่อ" ชุมชนร่วมกันตั้งศูนย์อพยพ แบ่งปันทรัพยากรและข้อมูล และในวันที่ 4 เป็นต้นไป รัฐเข้ามาด้วยทรัพยากรขนาดใหญ่ ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน จ่ายค่าชดเชยและสินเชื่อฟื้นตัว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด โคโจะจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยสึนามิและสร้างอาคารอพยพ เคียวโจะนำแผนที่มาจัดซ้อมอพยพในชุมชนเป็นประจำ และจิโจะในแต่ละครัวเรือนรู้ว่าตนเองต้องอพยพที่ไหนเมื่อไหร่ เมื่อทั้งสามเสาทำงานสอดประสานกัน พลังที่เกิดขึ้นจะมากกว่าผลรวมของแต่ละส่วน
บทเรียนสำคัญที่สุดจาก จิโจะ เคียวโจะ โคโจะ คือการเปลี่ยนความคิดจาก "รอให้รัฐมาช่วย" เป็น "ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ" เมื่อทุกคนพึ่งตัวเองได้ (จิโจะ) ชุมชนจะแข็งแกร่ง (เคียวโจะ) และรัฐจะช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ (โคโจะ) นี่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นปรัชญาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนประเทศให้แข็งแกร่งได้จริง
ถนนสามเสนที่ยุบตัวเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง วิกฤตครั้งต่อไปอาจรุนแรงกว่านี้มาก แต่ถ้าเราเริ่มปลูกฝัง จิโจะ เคียวโจะ โคโจะ ตั้งแต่วันนี้ สังคมไทยจะพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่รอเราอยู่ข้างหน้า เพราะความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ได้มาจากการไม่มีปัญหา แต่มาจากการรู้วิธีรับมือกับปัญหาร่วมกัน