4 ล้านเสียงบนโซเชียล เผยวิกฤต "ค่าครองชีพ" ปัญหาหนักใจที่สุด ครึ่งปีแรก 2568

4 ล้านเสียงบนโซเชียลมีเดียเผยวิกฤต "ค่าครองชีพ" และรอยร้าวสังคมไทยก่อนก้าวสู่ปี 2569

ในยุคที่ชีพจรของสังคมไทยวนเวียนอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของทุกคน เสียงสะท้อนจากประชาชนกว่า 4 ล้านข้อความบนโซเชียลมีเดียในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (ม.ค. 68 - มิ.ย. 68) ได้เผยให้เห็นภาพความกังวลที่อยู่ในใจคนไทย 

ตั้งแต่ วิกฤตค่าครองชีพที่กัดกินชีวิตประจำวัน ไปจนถึง ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และภัยจาก อาชญากรรมไซเบอร์  ข้อมูลจำนวนมากขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่คือเสียงจริง จากคนจริงๆ ที่ส่งสัญญาณเตือนถึงรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายว่า ประชาชนกำลังเผชิญกับบททดสอบที่หนักหน่วง และความคาดหวังต่ออนาคตในปี 2569 นั้นสูงยิ่งกว่าที่เคย

บทวิเคราะห์โดย Wisesight Research ชี้ให้เห็นว่า "ปัญหาปากท้อง" ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่และเร่งด่วนที่สุดในใจของคนไทย การสนทนาบนโลกออนไลน์ถูกครอบงำด้วยหัวข้อ ค่าครองชีพที่พุ่งสูง (238,356 ข้อความ) ซึ่งสอดคล้องกับการวิพากษ์วิจารณ์ ค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่แพงขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียงเหล่านี้สะท้อนความจริงอันน่าเจ็บปวดว่ารายได้ของประชาชน โดยเฉพาะ ค่าแรงขั้นต่ำ นั้นเติบโตไม่ทันค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้รัฐบาลจะพยายามผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนจะยังไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของครัวเรือนส่วนใหญ่ได้

ความเหลื่อมล้ำและภัยคุกคามในชีวิตประจำวัน

นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจที่จับต้องได้ รายงาน Wisesight Research ยังฉายภาพให้เห็นถึงรอยร้าวเชิงโครงสร้างที่กัดเซาะสังคมไทยมายาวนาน ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (187,599 ข้อความ) กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอันดับสอง ผู้คนต่างแสดงความกังวลว่าโอกาสทางการศึกษาที่ดีกำลังถูกจำกัดไว้สำหรับผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้น ขณะที่ภาระงานของครูที่ไม่ใช่การสอน (65,737 ข้อความ) ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาเชิงระบบที่ต้องการการปฏิรูปอย่างจริงจัง

ในขณะเดียวกัน ภัยจาก แก๊งคอลเซนเตอร์ (173,465 ข้อความ) ยังคงเป็นฝันร้ายที่สร้างความเสียหายและความหวาดระแวงไปทั่วสังคม การที่ปัญหานี้ติดอันดับสามของความกังวลสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการของภาครัฐอาจยังไม่เฉียบคมพอที่จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ประชาชนในโลกดิจิทัลได้

โดย ในช่วงครึ่งปีแรก ประชาชนกำลังเผชิญและพูดถึงเรื่องอะไรมากที่สุด 

 
อันดับ 1 ค่าครองชีพสูง 238,356 ข้อความ
อันดับ 2 ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 187,599 ข้อความ
อันดับ 3 แก๊งคอลเซนเตอร์ระบาดหนัก 173,465 ข้อความ
อันดับ 4 ค่าไฟแพง 122,281 ข้อความ
อันดับ 5 ครูถูกใช้ทำงานเอกสารมากเกินไป 65,737 ข้อความ
อันดับ 6 ราคาน้ำมันแพง 65,507 ข้อความ
อันดับ 7 ค่าแรงขั้นต่ำไม่สอดคล้องค่าครองชีพ 64,602 ข้อความ
อันดับ 8 เงินดิจิทัลไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 64,197 ข้อความ
อันดับ 9 ได้รับผลกระทบจากของเสียที่โรงงานปล่อย 58,544 ข้อความ
อันดับ 10 ค่ารถไฟฟ้าแพง 56,174 ข้อความ

กระทรวงใดถูกจับตามากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ?

เมื่อถอดรหัสเสียงวิจารณ์ จะพบว่าประชาชนเชื่อมโยงปัญหาต่างๆ เข้ากับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐอย่างชัดเจน

กระทรวงการคลัง ถูกพูดถึงมากที่สุด (465,690 ข้อความ) โดยเฉพาะนโยบาย "เงินดิจิทัล" ที่แม้จะได้รับความนิยมในแง่บวก แต่ก็ถูกตั้งคำถามว่าจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวได้จริงหรือ

กระทรวงพลังงาน และ กระทรวงพาณิชย์ ตกเป็นเป้าสายตาจากปัญหาค่าไฟและค่าครองชีพโดยตรง ซึ่งประชาชนกว่า 58% เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลค่าครองชีพอย่างจริงจัง

กระทรวงศึกษาธิการ เผชิญกับความท้าทายในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนถึง 63% มองว่าต้องได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ

 5 กระทรวงที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ในช่วงครึ่งปีแรก

อันดับ 1 กระทรวงการคลัง 465,690 ข้อความ
  ‣ 14% มอง "เงินดิจิทัล" ไม่ใช่คำตอบ
  ‣ 5% มอง "Entertainment Complex" เอื้อประโยชน์บางกลุ่ม

อันดับ 2 กระทรวงพลังงาน 436,719 ข้อความ
  ‣ 28% ไม่พอใจ "ค่าไฟแพง"
  ‣ 15% มอง "ราคาน้ำมันแพง" เหตุปัจจัยใน-นอกประเทศ

อันดับ 3 กระทรวงพาณิชย์ 408,683 ข้อความ
  ‣ 58% อยากให้ช่วยลด "ค่าครองชีพ"
  ‣ 11% กังวล "ส่งออก" เหตุนโยบายภาษีทรัมป์

อันดับ 4 กระทรวงศึกษาธิการ 298,803 ข้อความ
  ‣ 63% มอง "ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา" เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ
  ‣ 22% มอง "ภาระงานครู" ไม่ได้มีแค่สอน

อันดับ 5 กระทรวงคมนาคม 255,337 ข้อความ
 ‣ 22% มอง "ค่าโดยสารรถไฟฟ้า" แพง
 ‣ 18% มอง "แท็กซี่จอดแช่" หนึ่งในสาเหตุรถติด

ความหวังและความกังวลที่สวนทาง 

เป็นเรื่องน่าสนใจว่า แม้นโยบาย "เงินดิจิทัล" จะถูกวิจารณ์ว่าไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว แต่กลับเป็นนโยบายที่ประชาชน "เห็นด้วย" สูงที่สุด (41,154 ข้อความ) ซึ่งอาจสะท้อนถึงความหวังในการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ตามมาด้วยนโยบาย กัญชาไม่เสรี และ สุราชุมชน ที่ได้รับการตอบรับในเชิงบวกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นโยบายอย่าง "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" กลับถูกมองว่าไม่ตอบโจทย์ชีวิตจริงในภาวะที่ค่าครองชีพยังสูงลิ่ว และแอปพลิเคชันของภาครัฐหลายตัวยังถูกวิจารณ์ว่าใช้งานยากและไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้

 ความท้าทายปี 2569 คืออะไร ?

ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียกว่า 4 ล้านข้อความนี้เป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพสังคมไทยในปี 2568 ได้อย่างตรงไปตรงมา มันคือเสียงเรียกร้องที่ดังและชัดเจนว่าประชาชนต้องการนโยบายที่แก้ปัญหาที่รากฐานและจับต้องได้จริง

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2569 โจทย์สำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลคือ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้อย่างไร? การปรับทิศทางนโยบายให้สอดคล้องกับ "เสียงจริง" ของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาค่าครองชีพ สร้างความเท่าเทียม และรับประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะเป็นเครื่องพิสูจน์สำคัญว่ารัฐบาลชุดนี้สามารถนำพาประเทศไทยให้ก้าวข้ามความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าได้หรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การบริหารประเทศ แต่คือการรักษาศรัทธาของประชาชนทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “กรุงเทพฯ” ครองอันดับ 1 เมืองน่าอยู่สำหรับ Gen Z ค่าครองชีพถูก อยู่แล้วมีความสุข
• 13 ปี ค่าข้าวขึ้น 106.5% คนกรุงฯ ค่าครองชีพพุ่ง สวนทางค่าแรงคนไทย
• “สวัสดิการแห่งรัฐ” มุ่งลดค่าครองชีพ สู่..ความมั่นคงทางการเงินประชาชน